วันที่ 17 ตุลาคม 2564 สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้ว่าปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ระบายน้ำอยู่ที่ 2,532 ลบ.ม./วินาที เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ระบายน้ำอยู่ที่ 454 ลบ.ม./วินาที และ เขื่อนพระราม 6 อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระบายน้ำอยู่ที่ 468 ลบ.ม./วินาที ซึ่งมีการระบายน้ำลดน้อยลง และมีแนวโน้มจะดีขึ้น ทำให้ระดับน้ำท่วมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อย ทรงตัว และเริ่มลดลงบ้างแล้ว เช่นเดียวกับลุ่มแม่น้ำป่าสัก
แต่ทั้งนี้ยังคงถูกน้ำท่วมในทุกพื้นที่ รวม 12 อำเภอ คิดเป็น 136 ตำบล , 809 หมู่บ้าน จำนวน 54,594 ครัวเรือน มีวัดถูกน้ำท่วม 132 วัด และ มัสยิด 11 แห่ง ซึ่ง 12 อำเภอประกอบด้วย อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางซ้าย และ อำเภอภาชี
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าแม้ระดับน้ำที่ท่วมสูงลดลงบางในบางจุด แต่พี่น้องประชาชนที่ปลูกบ้านเรือน ติดริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ยังคงถูกน้ำท่วมสูง พบว่าชุมชนหลายชุมชนที่มีกว่าหลายร้อยหลังคาเรือนปลูกบ้านติดริมน้ำ ยังคงถูกน้ำท่วมสูง พี่น้องประชาชนยังคงใช้เรือเป็นยานพาหนะเข้าออก ถนนทางเข้าชุมชน ยังถูกน้ำท่วม บางต้องอาศัยริมถนน
ทั้งนี้พบว่าระดับน้ำในช่วง 3 วันที่แล้วเริ่มลดลง แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีฝนตกชุกหลายแห่ง ทำให้ระดับน้ำที่ลดลงไปเพิ่มขึ้นมากว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงการแจ้งเตือนของทางจังหวัดที่มีการออกหนังสือก่อนหน้าว่าจะมีผลกระทบจาก พายุโซนร้อนกำลังแรง “ คมปาซุ ” ทำให้ฝนตกในหลายพื้นที่มีปริมาณน้ำสะสมกับน้ำตามแม่น้ำสายต่างๆเพิ่มขึ้น อยากให้พี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์ฝนตกช่วงนี้อย่างใกล้ชิด