อิทธิพลของพายุโซนร้อนคมปาซู ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดของภาคอีสาน เริ่มขยายวงกว้าง โดยแม่น้ำมูล น้ำได้เริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน และ พื้นที่การเกษตรในจังหวัดบุรีรัมย์ ขณะที่ น้ำจากแม่น้ำชี ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนริมตลิ่ง และมีแนวโน้มที่อาจจะไหลเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดมหาสารคามด้วย
ชาวบ้านบุ่งคล้า หมู่ 12 ตำบลลาดพัฒนา อำเภอเมืองมหาสารคาม ช่วยกันกรอกกระสอบทราย เพื่อวางเป็นแนวยาวป้องกันน้ำไหลเข้าชุมชน และใช้เป็นทางเดิน หลังแม่น้ำชี ได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่ำของหมู่บ้าน ซึ่งระดับน้ำเหลืออีกประมาณ 30 เซนติเมตร ก็จะเทียบเท่ากับปี 2554 และหากฝนยังตกติดต่อกันหลายวัน ก็มีแนวโน้มว่า สถานการณ์น้ำท่วมจะรุนแรงยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ทหารและจิตอาสา ต่างเร่งกรอกกระสอบทราย เพื่อวางเป็นแนวสูง ตั้งแต่ 30-80 เซนติเมตร ระยะทางกว่า 300 เมตร ริมถนนสาย มหาสารคาม-กมลาไสย ตำบลเกิ้ง เพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำชี ไม่ให้ไหลข้ามถนน เข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอเมืองมหาสารคาม
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยโสธร เข้าตรวจสอบระดับน้ำในแม่น้ำชี ที่บ้านแจ้งน้อย ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับริมตลิ่งแม่น้ำชี และเป็นหมู่บ้านแรกของจังหวัดยโสธร ที่จะรับมวลน้ำมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า ระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 เซนติเมตร และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำที่บ้านแจ้งน้อย เหลือเพียง 1 เมตร 50 เซนติเมตรก็จะล้นตลิ่ง
ส่วนอิทธิพลของพายุโซนร้อนคมปาซู และน้ำจากจังหวัดนครราชสีมา ที่ไหลมาสมทบลงแม่น้ำมูล ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน คอกสัตว์ พื้นที่การเกษตร และ ถนนหลายหมู่บ้าน ในอำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเฉพาะบ้านโคกกล่อง และบ้านสวายสอ ตำบลนิคม ถนนทางเข้าหมู่บ้านน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ต้องใช้เรือในการสัญจรเข้า-ออก