วันนี้( 5 ต.ค.64) กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 4 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินถล่ม และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นล้นทางระบายน้ำล้น ช่วงวันที่ 6-10 ตค 64 แจ้งจังหวัดประสานจัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้รับแจ้งจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติว่า ได้ประเมินปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ได้ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง (องค์การมหาชน) พบว่า ในช่วงวันที่ 5-9 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้แจ้ง 4 จังหวัดพื้นที่เสี่ยง ได้แก่
-เพชรบุรี เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มในพื้นที่อำเภอแก่งกระจาน อำเภอบ้านลาด อำเภอท่ายาง อำเภอ
เมืองเพชรบุรี และอำเภอบ้านแหลม และเฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นล้นทางระบายน้ำล้น ส่งผลต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน
-ประจวบคีรีขันธ์ เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มในพื้นที่อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย อำเมือง
ประจวบคีรีขีนธ์ อำเภอสามร้อยยอด และอำเภอกุยบุรี และเฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นล้นทางระบายน้ำล้น ส่งผลต่อพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำปราณบุรี อ่างเก็บน้ำห้วยไทร
-ชุมพร เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มในพื้นที่อำเภอท่าแวะ และอำเภอปะทิว
-ระนอง เฝ้าระวังน้ำหลากดินถล่มในพื้นที่อำเภอเมืองระนอง และอำเภอกะเปอร์
โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ตลอดจนประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ท้ายนี้ หากพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM และแอปพลิเคชัน “พ้นภัย” รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป