การจัดงานแถลงข่าวใหญ่ “The Football Alliance Urawa Reds X Muangthong United” พิธีลงนามเซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง 2 สโมสรฟุตบอลชั้นนำจากประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ที่ต่างประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน สโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สโมสร อูราวะ เรด ไดมอนส์
ทางด้าน Mr.Yoichi Tachibana ประธานสโมสร อูราวะ เรด ไดมอนส์ กล่าวว่า “ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศถึงการร่วมเป็นพันธมิตรกับ เมืองทอง ยูนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นนโยบายที่เราต้องการร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลอื่นๆในเอเชีย ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสแข่งขันในรายการระดับโลกอย่าง ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก รวมถึง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องการความร่วมมือจากสโมสรฟุตบอลอื่นเช่นกัน”
“สโมสร อูราวะ เรด ไดมอนส์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามเป็นพันธมิตรครั้งนี้จะเป็นก้าวที่สำคัญของทั้งสองสโมสร เพื่อพัฒนาศักยภาพอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนขุมกำลังผู้เล่นระหว่างกัน, ทักษะของผู้เล่นให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการร่วมพัฒนาสโมสรในด้านอื่นอีกต่อไป”
ทางคุณวิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด กล่าวว่า “สโมสรฟุตบอล เมืองทอง ยูไนเต็ด มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสโมสร อูราวะ เรด ไดมอนส์ ทีมชั้นนำจากเจลีก ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน ในการสนับสนุนพัฒนาวงการฟุตบอลเพื่อก้าวสู่เวทีฟุตบอลโลกในมิติใหม่ของทั้งสองสโมสร”
“สโมสร อูราวะ เรดส์ เป็นหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ของลีกฟุตบอลญี่ปุ่น มีฐานประวัติศาสตร์อันยาวนาน และยังประสบความสำเร็จในระดับประเทศกับการได้แชมป์ เจลีก รวมไปถึงการคว้าถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งสอดคล้องกับปณิธานของสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด”
“โดยการลงนามเป็นพันธมิตรครั้งนี้ นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย ที่จะสร้างนักฟุตบอลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้นักฟุตบอลของสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด อาทิ ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน, ธีรศิลป์ แดงดา และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ทางสโมสรได้ร่วมผลักดันต่อยอดให้มีโอกาสได้ไปลงเล่นในเจลีกสำเร็จ ทำให้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมากมาย”
“สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณ เจลีก, สโมสรอูราวะ เรด ไดมอนส์, แฟนบอล ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ให้เกียรติสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้ ไม่เพียงปลุกจิตวิญญาณอันกล้าแกร่งของนักฟุตบอลเท่านั้น แต่คือก้าวสำคัญที่จะพัฒนาวงการฟุตบอลของทั้ง 2 ประเทศบนเวทีฟุตบอลระดับโลกให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และยั่งยืนต่อไปในอนาคต”
ขณะที่ รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรฯ กล่าวเสริมว่า “การลงนามครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์กรเพื่อพัฒนาทั้งด้านศักยภาพนักกีฬาโดยตรงทั้งระดับชุดใหญ่และเยาวชน ด้านการทำการตลาดระหว่างประเทศ และการส่งเสริม ข้อตกลงด้านการแลกเปลี่ยนผู้เล่นระหว่างกัน”
“ข้อตกลงด้านการพัฒนา Football Academy โดยเป็นข้อตกลงในการร่วมกันพัฒนาอะคาเดมี่ร่วมกัน เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักฟุตบอลเยาวชนของสโมสร และเป็นการสร้างเส้นทางที่ชัดเจนเพื่อก้าวเข้าสู่เส้นทางของฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับการอบรมแลกเปลี่ยนความรู้ของสต๊าฟโค้ชในด้านการบริหารจัดการทีม รวมถึงการจัดการแข่งขันนัดกระชับมิตรระหว่างกัน”
โดยการอบรมนี้จะมีตั้งแต่นักฟุตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชนถึงระดับอาชีพ พร้อมกับการอบรมแลกเปลี่ยน ความรู้ของสต๊าฟโค้ชในด้านการบริหารจัดการทีม ด้านการจัดการแข่งนัดกระชับมิตร ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับแฟนบอล และผู้เล่นของสโมสรในการได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์การแข่งขัน กับทีมระดับนานาชาติ”
