พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงถึงกรณีการบริหารข่าวสารกองทัพภาคที่ 2 ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ได้อภิปรายในสภาฯว่า ตนเคยชี้แจงในประเด็นดังกล่าวต่อสภามา 2-3 ครั้งแล้ว ในการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรีไม่เคยมีนโยบาย สั่งการให้กองทัพ หรือ กอ.รมน.ปฏิบัติการด้านข่าวสาร ในลักษณะบิดเบือนหรือให้ร้ายใครทั้งสิ้น แต่ประชาชนคงทราบว่าปัจจุบันในโซเชียล มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน หรือเฟคนิวส์ ข่าวลวง ข่าวปลอม เพื่อประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ตาม สร้างความเข้าใจผิดต่อประชาชน รวมทั้งก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร และส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงของประเทศ จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานทุกหน่วยโดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้องก้าวทันต่อสถานการณ์มีการติดตามข้อมูล และการเผยแพร่ สิ่งสำคัญคือจะต้องสื่อสารทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ให้กับกำลังพลของหน่วย รวมถึงครอบครัวของประชาชนทั่วไปไม่ทราบว่าสิ่งต่างๆที่ถูกต้องนั้น มีข้อเท็จจริงอย่างไร ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและสามารถสร้างการรับรู้ทั่วไปได้
ซึ่งในส่วนของกระทรวงกลาโหม ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมกระทรวงกลาโหม เป็นหน่วยที่ประสานงานในการดำเนินการใน 2 ลักษณะคือ ชี้แจงข้อมูลสู่สาธารณะส่งผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริงสร้างการรับรู้และความเข้าใจประเด็นสำคัญต่างๆให้กับประชาชน พร้อมกับตรวจสอบข่าวปลอมข่าวบิดเบือนต่างๆ โดยแจ้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
โดยสิ่งที่มีการอภิปรายเป็นนั้น หน่วยกองทัพได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเอกสารไม่เป็นเอกสารจริง มีจุดที่พิรุธต่างๆ โดยหนังสือที่นำมาแสดงเป็นหนังสือที่ทำขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2554 หากสังเกตว่าลายเซ็นของแม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน ในหนังสือทั้ง 2 ฉบับไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือฉบับหนึ่งเป็นลายเซ็นของอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 คนก่อน แต่ภายใต้วงเล็บลายเซ็นนั้นเป็นชื่อของ แม่ทัพภาคที่ 2 คนปัจจุบัน นอกจากนี้อดีตผู้อำนวยการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ที่มีชื่อลงนามในฉบับนี้ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งใหม่เมื่อ 1 ปีเศษแล้ว แต่กลับยังปรากฏลายเซ็นอยู่ และลายเซ็นของรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ตรงกับลายเซ็นของจริง รวมไปถึงนามสกุลของแม่ทัพภาคที่ 2 นั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้นถ้าเป็นเอกสารจริง
นอกจากนี้ เรื่องของคณะกรรมการสารสนเทศ กองทัพภาคที่ 2 มีการเขียนตำแหน่งยศ ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นหนังสือฉบับจริงแล้วการเขียนยศกับตำแหน่ง ควรจะถูกต้อง และที่สำคัญได้ตรวจสอบหนังสือดังกล่าวแล้ว เป็นหนังสือของกองทัพภาคที่ 2 เลขที่หนังสือที่ออกหนังสือถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีเลขหนังสือเพียง 851 ฉบับ แต่หนังสือที่ผู้อภิปรายนำมาแสดงมีเลขที่ 1121
โดยพลเอกชัยชาญ ระบุว่า กองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยที่ได้รับความเสียหาย จะได้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการตามความเหมาะสมในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมย้ำว่า กระทรวงกลาโหม หรือ กอ.รมน.ไม่เคยมีนโยบายที่จะให้หน่วยต่างๆไปดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องของการบิดเบือนหรือให้ร้ายกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด การดำเนินการนั้นคือการประชาสัมพันธ์สร้างความรับรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประท้วงตามข้อบังคับที่ 69 โดยระบุว่าผู้อภิปรายนั้นไม่อยู่ในประเด็น และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังปรึกษากัน ซึ่ง ส.ส.ของก้าวไกล มีประเด็นคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า มีการอมเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการไอโอหรือไม่ จึงขอถามสั้นๆถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่ามีการอมเบี้ยเลี้ยงผู้ปฏิบัติการหรือไม่ เพราะ SMS ที่ส่งมา ยังอยากให้ถามเรื่องเบี้ยเลี้ยง ว่าต้องส่งให้ผู้บังคับบัญชาหรือไม่ตามโครงการคนละครึ่ง ในรูปแบบใหม่ จึงอยากให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงด้วยเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหารที่รับฟังการชี้แจงหรือทางบ้านได้สบายใจว่ามีการอมเบี้ยเลี้ยงให้นายจริงหรือไม่
โดยพลเอกชัยชาญ ได้ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งหนึ่งว่า เรื่องนี้ได้สั่งตรวจสอบแล้ว หากมีการผิดจริงก็ต้องได้รับการลงโทษ