เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคา ทีผ่านมา Marcy Posey Gatterman แม่ของ Kailia Posey ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวการเสียชีวิตของลูกสาว โดยมีใจความว่า “ฉันไม่รู้จะเอ่ยด้วยคำพูดใด…เด็กสาวแสนสวยได้จากเราไปแล้ว” หลังจากนั้นมีผู้คนเข้าไปร่วมแสดงความเสียใจและไว้อาลัยให้กับการจากไปของ ไคเลีย โพซี่ ในวัยเพียงแค่ 16ปี
“แม้ว่าเธอจะยังเป็นวัยรุ่น แต่เธอมีอนาคตที่สดใสรอคอยอยู่ข้างหน้า แต่น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาแห่งความรุมเร้านั้น ทำให้เธอตัดสินใจที่จะยุติชีวิตของเธอ” นี่คือคำกล่าวของครอบครัวหลังจากที่เธอได้เสียชีวิตผ่านมาแล้วหลายวัน
ในขณะเดียวกันนั้น บนอินสตาแกรมของ ไคเลีย ก็เต็มไปด้วยคำไว้อาลัย ในรูปภาพสุดท้ายของเธอ
โพซี่ คือเด็กหญิงที่กลายเป็นมีมที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยภาพนั้นมาจากเมื่อตอนที่เธออายุได้ 5ขวบ และเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ Toddlers & Tiaras ของอเมริกา และในปัจจุบน ไพซี่ เป็นเด็กสาววัย 16 ปี ที่กำลังจะจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยม และเธอก็เป็นหนึ่งในหญิงสาวที่มีความฝันอยากเป็นนางงาม โพชี่เดินสายประกวดนางงามมาแล้วหลายเวที ซึ่งเวลาสุดท้ายที่เธอได้เข้าร่วมในการแข่งขันคือ Miss Washington Teen USA ที่เพิ่งจะจบการประกวดไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
การแถลงการเสียชีวิตของโพซี่นั้น เมื่อต้นสัปดาห์ทางครอบครัวของเธอยังไม่ได้ระบุสาเหตุของการเสียชีวิต แต่ล่าสุดมีการยืนยันว่า โพซี่ถูกพบร่างที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งในวอชิงตัน และมีการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศว่า สาเหตุการเสียชีวิตของเธอนั้นมาจากกรจบชีวิตด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่เป็นที่ยืนยันอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการหาสาเหตุการเสียชีวิตจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันอีกครั้งหนึ่ง
แม่ของโพซี่ได้กล่าวกับสำนักข่าวแห่งหนึ่งว่า ทางครอบครัวของเธออยากจะจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือวัยรุ่นที่กำลังมีปัญหาชีวิต ภายใต้ชื่อของโพซี่ เพื่อให้ความสำคัญและตะหนักถึงปัญหาที่กลุ่มเด็กๆวัยรุ่น ที่ไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาหรือความกดดันทั้งหลายที่กำลังเจอ และเพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเขาให้ไม่ต้องตัดสินใจผิดทางเหมือนกับลูกสาวของเธอ
ตามรายงานข่าวมีการได้พูดคุยกับหนึ่งในเพื่อนของโพซี่ว่า เธอรู้ว่าโพซี่มีความเครียดและสภาพจิตใจของเธอที่กำลังสับสน มันเหมือนกับว่าโพซี่แบกรับความสำเร็จและด้วยความเป็นคนดังเหมือนเธอต้องทำทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ นั่นทำให้เธอรู้สึกกดดันและมีปัญหากับสภาพจิตใจของตนเอง แต่เราไม่คิดว่ามันจะเป็นปัญหาที่หนักมากจนทำให้โพซี่ถึงขั้นจบชีวิตตนเอง เราไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.the-sun.com/
https://people.com/tv/toddlers-and-tiaras-kailia-posey-dead/
https://www.tmz.com/2022/05/03/toddlers-and-tiaras-star-kailia-posey-died-by-suicide-family-says/?adid=social-twa
ที่มาภาพจาก kailiaposey
คำแนะนำในการให้ความช่วยเหลือและสังเกตคนข้างกาย ว่าเขามีแนวโน้มว่ากำลังเผชิญกับปัญหาจนอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายหรือไม่
- ขอให้สนใจกับสิ่งที่เขาพูดอย่างจริงจัง อย่าคิดว่าเขาพูดเล่นๆ เรียกร้องความสนใจ หรือเขาคงไม่ทำหรอก เรื่องไม่เห็นจะรุนแรงอะไร เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาจะรุนแรงมากหรือน้อย เราตัดสินจากความเห็นของเราไม่ได้ แต่ละคนก็เห็นปัญหาต่างกัน จริงๆ แล้วไม่ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาใหญ่หรือรุนแรงแค่ไหน แต่ขึ้นอยู่ที่เขามองปัญหาอย่างไรต่างหาก
- การพยายามฆ่าตัวตายเป็นการร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เราอาจคิดว่าการที่เขาฆ่าตัวตายแสดงว่าเขาได้ตัดสินใจแน่นอนแล้ว คงเปลี่ยนใจเขายาก แต่จริงๆ แล้วจากการศึกษาพบว่าส่วนใหญ่คนที่ฆ่าตัวตายจะมีความรู้สึกสองจิตสองใจจริงๆ แล้วเขาอยากมีชีวิตอยู่ แต่เขาทนความปวดร้าว ความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นไม่ไหว ถ้าความทุกข์นี้ลดลงหรือได้รับการช่วยเหลือหรือมีคนชี้แนะ ความคิดอยากตายมักหายไปในที่สุด
- ถ้าเขาบอกคุณ หรือคุณเห็นว่าเขามีท่าทีจะฆ่าตัวตาย อย่ารีรอ เขาอยู่ในช่วงวิกฤติ การลังเลใจที่จะพูดคุยกับเขาเรื่องที่เขาทุกข์ใจ หรือคิดว่าไม่อยากทำให้เขากระเทือนใจอีก บางทีกลับเป็นเหมือนเราไปปิดกั้นทำนบไว้
- ในช่วงเวลาที่ทุกข์ใจเช่นนี้ เขามักมองโลกในแง่ลบ คิดว่าไม่มีใครช่วยเขาได้ ไม่มีใครจริงใจกับเขา หรือไม่อยากรบกวนคนอื่นอีกแล้ว เพราะฉะนั้น เราควรเป็นฝ่ายเข้าหาเขา มากกว่าที่จะรอให้เขาร้องขอออกมาเอง เพราะบางครั้งเขาไม่พูด แม้ในขณะนั้นจิตใจเขาต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด
- ช่วงนี้เขาจะปวดร้าว อ่อนไหว กลัวไปหมด จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นก็กลัวเขาจะว่าเรื่องไม่เห็นมีอะไรเลย กลัวจะยิ่งถูกตำหนิ กลัวการถูกปฏิเสธ รู้สึกไม่มีใครเข้าใจเขาอีกแล้ว ฯลฯ สภาพจิตใจของเขาตกต่ำลงมาก การช่วยเหลือของเรา ณ ขณะนี้ คือ การช่วยให้เขาคลายจากความทุกข์ใจเฉพาะหน้านี้ไปก่อน
- ท่าทีในการสนทนาเป็นสิ่งสำคัญ ควรฟังด้วยท่าทีพร้อมที่จะรับในสิ่งที่เขาเล่า ไม่ว่าเรื่องจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่มีท่าทีด่วนไปตัดสินว่าเขาไม่น่าทำอย่างนั้นอย่างนี้ ฟังด้วยความเยือกเย็น ไม่ลนลาน หรือวิตกกังวล แสดงความสนใจอารมณ์ความรู้สึกของเขา บางทีการแสดงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ชงโอวัลตินให้ เอาน้ำเย็นให้ ก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นได้จากการรู้สึกว่าเราแคร์เขา
- เราอาจจะอึดอัดใจ ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เขาหายทุกข์ใจหรือเปลี่ยนใจ แต่จริงๆ แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การฟัง” ไม่ต้องไปมัวคิดว่าจะพูดอะไร หรือหวังว่าจะมีคำคมที่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ มีกำลังใจขึ้นมา เพียงแต่เรามีความจริงใจ มีความปรารถนาดีที่จะช่วยเขา จะเข้าใจเขา ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะออกมาเองตามธรรมชาติ เขารับรู้ได้ถึงความจริงใจของเรา เปิดโอกาสให้เขาได้พูด พยายามให้เขาเล่าเรื่องให้เราฟัง รับฟังโดยมองตามมุมมองของเขา อย่าเพิ่งไปขัดหรือแย้งเขา (ถ้าเขาคิดเหมือนเรา เขาก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้)ให้เขารู้ว่าเราพร้อมเสมอที่จะรับฟังเขา เราอยู่ข้างเคียงเขา
อ้างอิงข้อมูลจาก ศ.นพ.มาโนช หล่อตระกูล https://www.rama.mahidol.ac.th