วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 16.15 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีกระแสข่าวว่าเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชนแบ่งเป็นสองฝ่ายในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้ ยืนยันว่าภายในพรรคไม่มีเสียงแตกแต่อย่างใด ซึ่งตอนนี้แม้มีความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทยว่าจะมีการยื่นเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังตนแถลงเรียกร้องขอความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรม เวชยชัยไม่ได้เดินหน้าในเรื่องการยุบสภา
ส่วนข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยว่าสามารถยุบสภาได้ทันที นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทำให้เกิดความไขว้เขวในการตัดสินใจ เพราะกระบวนการตัดสินใจโหวตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนได้สิ้นสุดไปแล้ว และทางพรรคได้เซ็นข้อตกลงกับพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าข้อเสนอดังกล่าวของพรรคเพื่อไทยทางพรรคประชาชนไม่สนใจเลยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า หากมีการเสนอมาก่อนหน้านี้และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการก่อนหน้านี้ มาก่อนการรับฟังความคิดเห็นของพรรคประชาชน ก่อนจะมีมติ ตนเชื่อว่า ตัวเองและเพื่อนสมาชิกพรรคจะรับไว้พิจารณา ใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการชั่งน้ำหนัก แต่เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระบวนการที่ผ่านมาตลอดจนถึงวันนี้ การให้ข่าวกลับไปกลับมาจากพรรคเพื่อไทย ทำให้พอประเมินได้ว่าไม่ได้มีความจริงจัง และจริงใจ ที่จะบรรลุข้อตกลง พรรคประชาชนตั้งแต่ต้น ได้ซึ่งเป็นการช่วงชิงความได้ประโยชน์ทางการเมืองกันมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า แสดงว่าพรรคประชาชนไม่เชื่อใจพรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายชัยเกษม เป็นแคนดิเดตนายกแล้วจะยุบสภาใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จนถึงวินาทีนี้หลังจากที่พรรคประชาชนได้ บรรลุข้อตกลงไปแล้วและยังมีการปล่อยข่าวในลักษณะนี้อยู่ยิ่งแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถที่จะเชื่อคำพูดที่กลับไปกลับมาแบบนี้ได้
ส่วนกระแสข่าวว่า สส.พรรค ได้มีการขอเปิดฟรีโหวตนั้น นายณัฐพงษ์ยืนยันว่าจากที่ตนได้พูดคุยกับทาง สส. ในพรรคแล้ว ไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้ และตนเชื่อมั่นในเพื่อน สส. ว่าจะดำเนินการตามมติของพรรค
ส่วนที่บางคนอึดอัดใจ ก็เชื่อว่าทุกคนจะมีเหตุผลเพราะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปแล้ว แต่ตัวเองเชื่อมั่นว่าทุกคนจะพร้อมปฏิบัติตามมติของพรรค และไม่กังวลว่าจะมีกรณีโหวตสวน ยืนยันว่าตอนนี้ไม่มี สส. คนใดส่วนมติพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีเสียงสะท้อนว่าการที่ฝ่ายค้านยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีให้ ฝ่ายรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เราทำหน้าที่ของฝ่ายค้านการโหวตเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาแก้ไขปัญหาซึ่งคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้น เป็นรัฐบาลที่พรรคประชาชนจะไม่ต้องไปแบกรับอะไร ซึ่งทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลต่อไป
ส่วนความกังวลใจของนักวิชาการด้านประชาธิปไตยที่ออกมาสะท้อนความคิดเห็นเป็นทิศทางเดียวกันว่าให้พักประชาชนทำการพิจารณาใหม่ เพราะการเลือกโหวตสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเป็นการสนับสนุนพรรคการเมืองที่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการองค์กรอิสระ ทำให้หลักนิติรัฐนิติธรรมเสียหายนั้น นายณัฐพงษ์ ตอบว่า “เป็นเสียงสะท้อนที่เรายินดีรับฟังพร้อมที่จะทำความเข้าใจอย่างรอบด้านและพร้อมที่จะพิสูจน์ตนเอง ระยะเวลาภายในกรอบระยะเวลาหลังจากนี้ที่จะทำผ่านการทำหน้าที่ทุกอย่างในสภา ขอยืนยันกับทุกคนว่า วันนี้สิ่งที่พรรคประชาชนต้องทำคือความหนักแน่น ซึ่งเราไม่ใช่พึ่งมาคิดในไม่กี่ที่ผ่านมาแต่สถานการณ์นี้เราคิดตั้งแต่ 2 เดือนที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ สถานการณ์การเมืองเราได้ชั่งน้ำหนักในทุกๆด้าน ก่อนที่จะมาเป็นมติพรรค ซึ่งตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งในมติของพรรคที่ออกไป เป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าหากในอนาคตเกิดคดีนิติสงครามเกิดขึ้น พรรคประชาชนอาจต้องร่วมรับผิดชอบจากการตัดสินใจในวันพรุ่งนี้ด้วย นายณัฐพงษ์ตอบว่า ในส่วนที่ตนและพรรคประชาชนจะต้องรับผิดชอบอย่างไรต้องดูที่การกระทำ เช่น กรณีที่ตนได้เรียกร้องการฟ้องร้องมาตรา 112 ซึ่งทางพรรคไม่ได้เห็นด้วยกับการใช้นิติสงคราม ตนเองและพรรคประชาชนมีอำนาจไปสั่งการใด ๆ แต่พวกเราในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ใช้เสียงที่เรามีกำกับทิศทางของรัฐบาลจนนำไปสู่การยุบสภา
พร้อมทั้งยืนยันอีกครั้งว่าการโหวตให้นายอนุทินชาญวีรกุลไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาลแต่เป็นการหาทางออกให้กับประเทศและยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และหลังจากนี้ 4 เดือนก็จะต้องพิสูจน์ ว่าหลังจากแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าพรรคประชาชนจะสามารถใช้เสียงที่มี 143 เสียง ติดตามข้อเสนอที่ได้ให้ไว้กับพรรคประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
เมื่อถามถึงเรื่อง คนในพรรค ว่าอย่าไปเป็นตัวประกอบให้กับผู้กำกับที่ดีลปีศาจ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ในสิ่งที่เคยบอกไว้ต้องดูว่าดิวปีศาจเพื่อผลประโยชน์ของใคร เราดีลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองใช่หรือไม่และครั้งนี้เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนต้องการใช้อำนาจที่มีในการหาทางออกให้กับประเทศ เชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญที่มากกว่าและทุกองคาพยพของพรรคที่รับฟังเข้าใจการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค และไม่เสียดายต่อการตัดสินใจครั้งนี้และไม่มีการทบทวนมติที่เกิดขึ้นยังคงเดินหน้าเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ต่อจากนี้ก็เป็นเรื่องของประธานสภาที่บรรจุวาระไปแล้วจะเดินหน้าโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่
และหากนายอนุทินไม่ได้มีความพยายามปฏิบัติตามสัญญาจะได้ตกลงกันภาคประชาชนพร้อมใช้เสียงในสภาในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที ถ้าหากมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะการสะสางคดีของตนเองและพวกพ้อง พรรคประชาชนไม่มีทางยอมรับการกระทำแบบนั้นได้และพร้อมยื่นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
“ถ้านายอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะเป็นคนต่อไปหากใช้อำนาจไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นก็เป็นหน้าที่ของพรรคประชาชนที่จะล้มรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม” นายณัฐพงษ์กล่าว
