การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์อาจสร้างคลื่นกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศ จากนโยบายการค้าที่เข้มงวดและแข็งกร้าวมากขึ้น นับตั้งแต่การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก 10% ซึ่งจะกระทบการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ โดยตรง เมื่อพิจารณาว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับต้นๆ ของไทย คิดเป็นสัดส่วนถึง 17.5% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปี 2023
สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือนโยบาย “เล่นงาน” ประเทศที่มีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ซึ่งไทยก็เข้าข่ายนี้ด้วย อาจนำมาซึ่งแรงกดดันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การที่ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 60% อาจผลักดันให้สินค้าจีนทะลักเข้าสู่ตลาดไทยและอาเซียนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตไทยต้องเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดยิ่งขึ้น
ความกังวลอีกประการหนึ่งคือ การตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับประเทศที่ถูกมองว่าเป็นฐานการผลิตทดแทนจีน ซึ่งไทยอาจตกเป็นเป้าสายตาในประเด็นนี้ ขณะที่ตลาดการเงินที่อาจผันผวนจากนโยบายของทรัมป์ ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องเตรียมแผนรับมือและปรับตัวอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกระจายความเสี่ยงทางการค้า การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หรือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนในเวทีการค้าโลก ที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคตอันใกล้