อีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตาคือท่าทีของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ต่อสถานการณ์ยูเครน หากได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง โดยเฉพาะนโยบายสนับสนุนยูเครนในสงครามกับรัสเซีย
ซึ่งก่อนหน้านี้ “ทรัมป์” เคยแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการสนับสนุนยูเครนในระดับสูง ทั้งด้านการเงินและอาวุธ ซึ่งหากมีการลดการสนับสนุน อาจส่งผลให้ยูเครนเผชิญสถานการณ์ยากลำบากขึ้น ท่ามกลางการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากรัสเซีย หากทรัมป์เดินหน้าเจรจาสงบศึกกับรัสเซีย แม้อาจนำไปสู่ข้อตกลง แต่เสี่ยงที่ยูเครนต้องยอมรับข้อเสนอที่ไม่เป็นธรรม กระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคง รวมถึงอาจส่งผลให้พันธมิตรยุโรปและสหรัฐฯ ต้องทบทวนนโยบายสนับสนุนยูเครนใหม่
สถานการณ์นี้อาจสร้างความไม่แน่นอนในยุโรปตะวันออก กระทบความสัมพันธ์ระหว่างชาติสมาชิก NATO และอาจทำให้ประเทศในยุโรปต้องพึ่งพาการป้องกันทางทหารจากสหรัฐฯ น้อยลง ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของภูมิภาคและโลกในภาพรวม