คัดลอก URL แล้ว
จับมือแท็คทีม! “ทนายดัง” รวมตัวนำผู้เสียหาย “ดิไอคอน” 100 กว่าชีวิต ร้องทุกข์

จับมือแท็คทีม! “ทนายดัง” รวมตัวนำผู้เสียหาย “ดิไอคอน” 100 กว่าชีวิต ร้องทุกข์

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 ที่กองบังคับการสอบสวนกลาง เหล่าทนายชื่อดัง รวมตัวกันนำผู้เสียหายจากคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป แจ้งความร้องทุกข์ กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำโดย ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด , ทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล , ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต , ทนายเกิดผล แก้วเกิด , สายไหมต้องรอด , มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม , ทนายรัชพล ศิริสาคร , ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และทนายพัฒน์ทนายเมียหลวง

โดยทนายตั้ม กล่าวว่า คนที่มาร้องทุกข์ประมาณ 100 กว่าคน และจะมีเพิ่มอีกเรื่อยๆ โดยทางกลุ่มทนายได้แบ่งหน้าที่กันทำ ให้แต่ละคนดูแลผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าคน โดยดูแลตั้งแต่วันแจ้งความ จนกว่าคดีจะไปถึงศาลหรือมีการได้รับเงินเยียวยา ซึ่งเจตนาที่มาวันนี้ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน จึงได้ปรึกษากับทนายในกลุ่มว่า วันนี้เราต้องช่วยกัน ไม่อย่างนั้นจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์และผู้เสียหายจะไม่ได้รับเงินจริง ซึ่งมีผู้เสียหายให้ความเชื่อมั่นกับทนายมารวมกันค่อนข้างเยอะ

ซึ่งเมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) ได้เห็นบอสพอลออกรายการโหนกระแส มีการร้องไห้ เรียกดราม่า แต่รายการของเดอะสแตนดาร์ด ยังไม่ได้มีการแสดงความรับผิดและลักษณะการต่อสู้คดี และพยายามที่จะยกคดีต่างๆ ไปให้กับแม่ข่าย ซึ่งคนที่ประกอบธุรกิจ หากจะบอกว่า ไม่รู้เรื่องคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นแม่ขายต่างๆ ที่เกรงว่า ตนเองจะซวยแน่ๆ ให้ออกมาให้ข้อมูลกับเรา และตำรวจ ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นเหมือนสโลแกน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เพราะจะนำมาเป็นผู้ต้องหารวมทั้งหมด

อีกทั้งเมื่อวานนี้ มีการทิ้งบอมบ์ไว้ว่า มีนักการเมือง มีทนายความและนักร้องเรียน รับเงินจากเขารายเดือน ซึ่งตนได้พูดคุยกับทนายความที่มาในวันนี้แล้วว่า พวกเราไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นและไม่รับทุกกรณี

พร้อมฝากถึงผู้เสียหายว่า หากต้องการที่จะมาร้องทุกข์เพิ่มเติมสามารถมาแจ้งความที่โรงพักใกล้บ้านได้ แต่หากอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้มาแจ้งที่ตำรวจสอบสวนกลาง จะได้มีการดำเนินคดีอย่างจริงจัง

ทนายตั้ม ยังฝากไปถึงรัฐบาลว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ ควรจะตั้งหน่วยงานหลายหน่วยงานมาบูรณาการ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ง. ให้ยึดทรัพย์ และจนตอนนี้ยังไม่ได้มีการทำอะไรเกี่ยวกับทรัพย์สินเลย และควรจะยึดทรัพย์เพื่อมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย นายกรัฐมนตรีควรสั่งการมาแล้วว่า มีการช่วยเหลือกัน เพราะพฤติการณ์คือเป็นการหาเงินของคนจน ไปซื้อนาฬิกาหรู และรถสปอร์ต และเอาไปโชว์คนจนอีกต่อหนึ่ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง