วันที่ 2 ตุลาคม 2567 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุเพื่อร่วมทำพิธีเชิญวิญญาณ เด็กนักเรียนจากเหตุไฟไหม้ โดยนายชาดา เปิดเผยว่า หลังจากนี้จะเดินทางไปรับผู้ปกครองบางส่วนที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเดินทางกลับจังหวัดอุทัยธานี ร่วมกับผู้ปกครองทั้งหมด
ส่วนความคืบหน้าทางคดีกรณีที่คนขับรถบัสอ้างว่า ไม่ได้หนีแต่หลบไปตั้งหลัก ก่อนจะไปมอบตัวที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งระยะทางไกลจากจุดเกิดเหตุกว่า 100 กิโลเมตร นายชาดา ไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะจะเป็นการซ้ำเติม ซึ่งจากภาพเหตุการณ์ก็พบว่า คนขับรถมาช่วยดับไฟแต่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่สิ่งที่คาใจ ก่อนที่จะลงจากรถทำไมถึงไม่ปลดล็อคประตู ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่บางครั้งสัญชาตญาณของมนุษย์มีทั้งดี และเลว ก็ต้องไปคุยกับคนขับอีกครั้ง แต่ในความเห็นของตนเรื่องอย่างนี้ไม่กลัวจะโทษใคร ไม่ควรไปประนามหรือซ้ำเติมใคร แต่จะต้องมาช่วยดูแลเด็ก รวมถึงเยียวยาผู้เสียชีวิต จากนั้นค่อยมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่ถ้าถามว่าโกรธหรือไม่ ยอมรับว่าโกรธและโกรธมากด้วย แต่ก็เข้าใจว่า หากคนขับยังอยู่จะกลัวการโดนประชาทัณฑ์ ต้องมองในมุมเขาด้วย อย่ามองแต่มุมของตัวเอง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ บริษัทรถและคนขับจะเยียวยาผู้เสียหายอย่างไร เพราะหากไม่ดูแล ศาลก็จะสั่งให้จำคุกอย่างแน่นอน ต้องมีการเยียวยาอย่างพอสมควร จึงจะได้รับความเมตตาจากศาล ซึ่งส่วนตัวตนไม่ต้องไปช่วยเจรจากับบริษัทรถ เพราะว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว แต่ในฐานะ สส. เยียวยาต่างหากอยู่แล้ว เพียงแต่จะติดตามดูว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเป็นเรื่องของข้อกฎหมาย
ส่วนตัวมองว่า ประเทศไทยก็เป็นแบบนี้เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สื่อมวลชนและทุกคนก็จะลืมเลือนทั้งหมด เรื่องที่เคยเกิดขึ้นไม่เคยเป็นอุทาหรณ์เลย เราจะไปโทษแต่คนอื่นก็ไม่ได้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าอยากให้ยกเลิกการทัศนศึกษา นายชาดา มองว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นมุมมองที่แคบไปหน่อย การจัดทัศนศึกษาไม่ผิด เพราะเป็นเรื่องของการเสริมความรู้และเป็นสิ่งที่เด็กต้องการ หากไปพูดกับเด็กที่มีฐานะยากจน เรื่องนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต จึงอยากให้มองเรื่องนี้ให้ละเอียด
