วันที่ 2 กันยายน 2567 ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ รมว.ยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการเอาผิดกับบุลคค หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมามาแถลงถอนตัวร่วมรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พร้อมนำหลักฐานแชตไลน์ อ้างว่าเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนั้นเป็นนักโทษคุมขังนอกเรือนจำ ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เผยว่าได้เข้าเยี่ยม 2 ครั้ง มีบุคคลนัดหมาย จัดคิวพาเข้าเยี่ยมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น
ทนายอั๋น เผยว่ามาวันนี้ ต้องการให้กระทรวงยุติธรรมมีการตรวจสอบกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เปิดเผยเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่อาจไม่ได้อยู่ที่ชั้น 14 ตลอดระยะเวลา อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เข้าไปดูแลความปลอดภัย หรือเข้าไปควบคุมตามกฏหมายราชทัณฑ์ ซึ่งตนเองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นปล่อยผ่านไม่ได้ สร้างความเสียหายให้กระบวนการยุติธรรม ทำให้มาตรฐานกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอาจต้องแปดเปื้อน หากเรื่องดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริง ตนก็เห็นว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะต้องสั่งการ และการดำเนินการอย่างเด็ดขาด และพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว ตนเองต้องการให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเอาผิดบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจรวมถึงตัวท่านรัฐมนตรีด้วย ต้องเอาผิดทัดเทียมกัน เพื่อรักษามาตรฐานกฎหมาย
ทนายอั๋น บอกอีกว่า ในทางตรงกันข้ามหากพิสูจน์ทราบแล้วว่าเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดนั้นเป็นเท็จ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะต้องยอมรับโทษ และจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย ไม่ว่าจะออกมาทางไหนก็ตาม หากพูดภาษาชาวบ้านคนไทยย่อมได้ผลประโยชน์
อีกทั้ง ที่ตนมาวันนี้ ที่ผ่านมา หลายคนต่างพูดถึงชั้น 14 มากมาย แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ,อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นิ่งเฉยได้อย่างไร ตนมองว่าต้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ ตนเองไม่รู้เรื่องนี้ไปถึงตรงไหน แต่วันนี้ตนมากระตุ้นเตือนอีกครั้ง ว่าเรื่อง้เหล่านี้ไม่ควรนิ่งเฉย ขอให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์รักษาสมดุลระหว่างความเป็น VIP ,ความเป็นคุณูประการของนายทักษิณ กับความเป็นนักโทษ นี่ต้องเป็นโจทย์ เป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้มันเกินเลย
ด้าน พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แฉว่าข้อมูลการรักษาพยาบาลของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นข้อมูลเท็จว่า กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมพร้อมที่จะรับฟังข้อมูลอย่างเปิดกว้าง ที่สำคัญในเรื่องของกระบวนการทางกรมราชทัณฑ์ได้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช. ไปแล้ว ดังนั้นการตอบคำถามกับสังคมที่ดีที่สุด คือ เรามีหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้วก็คือป.ป.ช.
เมื่อถามว่าท่านยังยืนยันในข้อมูลเดิมอาการของนายทักษิณใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า แพทย์เป็นผู้ยืนยัน ส่วนการที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์เข้าไปเยี่ยมนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจนั้น พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงต่อป.ป.ช.แล้ว พร้อมส่งหลักฐานยืนยันทั้งหมด หากมีข้อมูลก็สามารถส่งมายังกระทรวงยุติธรรมหรือป.ป.ช.ได้ พอเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
ส่วนความชัดเจนเรื่องกล้องวงจรปิด บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจเสียทั้งหมดจริงหรือไม่นั้น พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่าเรื่องนี้ทางป.ป.ชได้สอบถาม ส่วนภาพกล้องวงจรปิดที่ยังไม่ได้นั้นก็ต้องไปถามจากทางปปช เพราะ โรงพยาบาลตำรวจอยู่ในสังกัดของตำรวจเป็นผู้ดูแล
เมื่อถามว่า ขณะที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจในทักษิณอยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์จะไม่มีการตรวจสอบภายใน ใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกาวาดกระทรวงยุติธรรมไม่สามารถไปติดตั้งกล้องวงจรปิดให้กับหน่วยราชการอื่นได้
ผู้สื่อข่าวจึงถาม ว่าท่านมองอย่างไรที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ขู่ว่าเรื่องนี้จะต้องมีคนติดคุก แต่พันตำรวจเอกทวีไม่ตอบคำถามและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที