วันที่ 19 สิงหาคม 2567 หลังใช้เวลาในห้องพิจารณาคดีที่ศาลอาญารัชดา นานกว่า 2 ชม. 30 นาที ล่าสุดเมื่อเวลา 11.33 น. ที่ผ่านมา หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ นายทักษิณ ชินวัตร เดินลงมาจากห้องพิจารณาคดี ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นักข่าวพยามสอบถามถึงเรื่องของการมาตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ นายทักษิณไม่ได้หยุดคุยกับนักข่าว แต่บอกสั้นๆ เพียงว่า “ไม่มีอะไร” ก่อนจะเดินขึ้นรถส่วนตัว และลดกระจกลงเพื่อเป็นบอกลาทีมทนายความ ซึ่งจากรายงานวันนี้ทนายความของนายทักษิณมากันทั้งหมด 7 คน
ต่อมา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่า วันนี้มีการนัดตรวจพยานและวัตถุพยานของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งศาลได้สอบปากคำนายทักษิณ ซึ่งยังคงให้การปฏิเสธ พร้อมกับมีการนำเสนอพยานหลักฐาน ประกอบด้วยพยานบุคคลฝ่ายจำเลย 14 ปาก และพยานเอกสารอื่นๆ ซึ่งขอนำเสนอในชั้นพิจารณา ส่วนพยานฝั่งโจทก์มี 10 ปาก
นายวิญญัติ ระบุว่าสำหรับพยานวัตถุฝั่งโจทก์ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต แล้วนำมาบันทึกใส่แผ่นซีดี โดยไม่มีประจักษ์พยานแม้แต่รายเดียว คลิปที่ฝ่ายโจทก์ยื่นเป็นพยานนั้น ไม่ใช่คลิปสัมภาษณ์ต้นฉบับ เป็นคลิปที่มีการตัดทอนเนื้อหา เป็นไปตามที่ตนได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าคลิปดังกล่าวนั้นจะมีผลต่อการพิจารณาหรือไม่ อยู่ที่ศาลจะพิจารณารับฟัง ซึ่งข้อต่อสู้ของฝั่งนายทักษิณ ที่ได้ต่อสู้มาโดยตลอดคือ คลิปที่ถูกนำมากล่าวหานั้น ไม่ได้เป็นคลิปต้นฉบับ มีการแปลงไฟล์ทำให้คลิปไม่สมบูรณ์ แต่รายละเอียดมากกว่านี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนจะมีการสืบพยานลับหลังหรือไม่นั้น นายวิญญัติ บอกว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นคำร้อง เป็นเรื่องของอนาคต
ผู้สื่อข่าวสอบถาม พยานฝั่งโจทก์ หรือฝ่ายอัยการนั้นมีการเชิญสื่อมวลชนชาวเกาหลี ที่เป็นผู้สัมภาษณ์นายทักษิณมาเป็นพยานด้วยหรือไม่ นายวิญญัติ ตอบว่า ฝั่งของโจทก์ไม่มีการกล่าวอ้างประจักษ์พยานแม้แต่บุคคลเดียว ไม่ว่าจะเป็นล่าม นักข่าว หรือช่างภาพ ส่วนฝั่งของตนเองมีการกล่าวอ้างถึง แต่จะมีการเดินทางมาในชั้นไต่สวนหรือไม่นั้น ต้องรอดูการสืบพยานของฝั่งโจทก์เสียก่อน ถ้ามีเหตุจำเป็นทางตนก็พร้อมจะเชิญล่ามมาเป็นพยาน ซึ่งสามารถไต่สวนพยานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้
นายวิญญัติ ยังเปิดเผยว่าศาลอาญาได้มีการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ในวันที่ 1, 2 และ 3 เดือนกรกฎาคมปี 2568 ส่วนการนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยเป็นวันที่ 15, 16, 22 และ23 เดือนกรกฎาคมปี 2568 ซึ่งนายวิญญัติยืนยันว่า ทุกชั้นไต่สวนนายทักษิณจะเดินทางมาที่ศาลทั้ง 7 นัดด้วยตนเอง
ส่วนกรณีที่มีการยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือปปช. ทำการตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณรักษาตัวที่ชั้น 14 นายวิญญัติ บอกว่า เรื่องนี้นายทักษิณไม่ได้มีความกังวลและขอยืนยันว่านายทักษิณป่วยจริง ซึ่งตัวเองเป็นทนายความคนเดียวที่ได้ขึ้นไปเยี่ยมในชั้น 14 ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หาก ปปช. เชิญไปให้ปากคำเจ้าตัวจะพร้อมไปให้ข้อมูลหรือไม่ นายวิญญัติ บอกว่า นายทักษิณไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ขึ้นอยู่กับว่า ปปช. จะทำการไต่สวนอย่างไร ซึ่งหากมีการเชิญ นายทักษิณไปสอบปากคำจริง นายทักษิณก็ยินดีไป เพราะการที่นายทักษิณกลับมาเมืองไทยนั้น มีความประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม