คัดลอก URL แล้ว
“ศาล รธน.” สั่ง “ยุบพรรคก้าวไกล” – ตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 11 คน เป็นเวลา 10 ปี

“ศาล รธน.” สั่ง “ยุบพรรคก้าวไกล” – ตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 11 คน เป็นเวลา 10 ปี

วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทััง 9 คน ได้นัดอ่านคำวินิจฉัยส่วนตนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ขอให้ศาลวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจาก มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 92 เพื่อจัดทำเป็นคำวินิจฉัยกลาง

โดยในวันนี้เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกประกาศกำหนดให้พื้นที่ศาลรัฐธรรมนูญภายในศูนย์ราชการอาคารเอเป็นพื้นที่บริเวณของศาล พร้อมกำหนดเงื่อนไขผู้ที่จะผ่านเข้าออกพื้นที่เพื่อความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล2 จำนวน 270 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังมาคอยดูแลความเรียบร้อยรอบพื้นที่อาคารเอ โดยเฉพาะพื้นที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญผู้ที่จะผ่านเข้าออกจะต้องผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น ในส่วนของสื่อมวลชนที่จะเข้าพื้นที่จะต้องลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าเท่านั้น

แต่แม้ว่าจะมีการวางกำลังอย่างแน่นหนา แต่บรรยากาศในวันนี้ก็ความวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อมีกองเชียร์พรรคก้าวไกล จำนวน 2 คน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นนิวโหวตเตอร์ หนึ่งใน14 ล้านเสียง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล และไม่ได้ถูกจ้างมา เดินทางมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ คัดค้านการยุบพรรคก้าวไกลและให้กำลังใจพรรคก้าวไกลด้วยการถือป้ายข้อความ ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาเชิญตัวออกนอกอาคาร

ขณะเดียวกันได้มีแฟนคลับพรรคก้าวไกลจำนวน 4 คน นำช่อดอกไม้เดินทางมาให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงมีแอดมินเพจ วันนี้ก้าวก่ายโกหกอะไร เดินทางมาชูป้ายข้อความเขียน ว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมด้วย” บริเวณหน้าอาคาร

เช่นเดียวกับกลุ่มของศปปส. ซึ่งนำโดยนายอานนท์ กิ่งแก้ว ที่เดินทางมาติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ โดยยืนยันว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมที่จะยอมรับ แต่หากผลออกมาเป็นไปในทิศทางบวกกับพรรคก้าวไกลก็จะเดินทางไปร้องเรียนตามขั้นตอนต่อไป แต่ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้ทางกลุ่มศปปส. เข้ามาในอาคาร ทางกลุ่มจึงปักหลักรอนอกอาคาร

ซึ่งหลังประชุมหารือนานกว่า 5 ชั่วโมง องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยมีพันตำรวจตรีณัฐวัฒน์ เสงี่ยมศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมทีมกฎหมาย ในฐานะผู้ร้อง และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และทีมงานของพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องมาร่วมรับฟังคำวินิจฉัยในครั้งนี้

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคก้าวไกล เนื่องจาก มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีพฤติกรรมที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองตามมาตรา 92 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง จากการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปใช้ในทางที่ได้เปรียบหรือหวังผลทางการเมือง โดยหวังผลคะแนนเสียงและชนะการเลือกตั้ง เป็นการมุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน มีเจตนาในการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือทำให้อ่อนแอลง มีการกระทำที่เป็นกระบวนการลดทอนลดทอนคุณค่าสถาบันหากปล่อยไปย่อมเกินกว่าเหตุที่นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในที่สุด และยังเข้าข่ายว่ามีพฤติกรรมที่อาจเป็นปฏิบัติต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วเห็นว่าศาลมีอำนาจในการรับคำร้องไว้วินิจฉัยตามหลักการของกฎหมายและอ้างอิงตามคำวินิจฉัยที่3 / 2567 ที่วินิจฉัยว่าผู้ถูกร้องมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจึงให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งในการพิจารณาคำร้องมีการเปิดไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างครบถ้วนแล้ว และเป็นคดีในลักษณะเดียวกันกับคดีปัจจุบันจึงสามารถหยิบคำวินิจฉัยดังกล่าวมาพิจารณาได้โดยไม่ต้องเปิดไต่สวนใหม่ ศาลจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคที่ดำรงตำแหน่งในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 เป็นเวลา 10 ปีนับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง และห้ามไม่ให้ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคในเวลาดังกล่าวไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ในเวลา 10 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมีทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย

  1. “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
  2. “ชัยธวัช ตุลาธน” อดีตเลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
  3. “ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์” เหรัญญิกพรรค
  4. “ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล” นายทะเบียนสมาชิกพรรค
  5. “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” อดีตกรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ
  6. “สมชาย ฝั่งชลจิตร” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคใต้
  7. “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคกลาง
  8. “อภิชาต ศิริสุนทร” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
  9. “เบญจา แสงจันทร์” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก ส.ส.บัญชีรายชื่อ
  10. “สุเทพ อู่อ้น” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนปีกแรงงาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
  11. “อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์” กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ

ซึ่งในระหว่างการอ่านคำวินิจฉัยมีกลุ่มศปปส. มาปักหลักติดตามรับฟังคำวินิจฉัยพร้อมส่งเสียงเฮ ดีใจ พร้อมกับว่าเราชนะแล้ว

หลังฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนายพิธา ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า เดี๋ยวไปขอไปแถลงที่พรรคทีเดียว คงไม่มีอะไร อยากทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไปแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ที่สภาหรือทำเนียบรัฐบาล แต่ทำในฐานะพลเมืองต่อไป คงพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง