วันที่ 30 กรกฏาคม 2567 เป็นการเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในรอบ 4-5 เดือน ของ “พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หักพาล” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่ง โดยเดินทางมาพร้อมกับเอกสารปึกใหญ่ เพื่อมาแถลงคำชี้แจงต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ในกรณีอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนของพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ที่ลงนามโดย พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพช็ร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะรักษาราชการแทนขณะนั้น
โดยการเข้าชี้แจงของพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนมาเปิดเผยกับสื่อมวลชน ว่า วันนี้เดินทางมาชี้แจงด้วยวาจากับคณะกรรมการฯ เป็นไปตามกระบวนการของ พ.ร.บ. ตำรวจฉบับใหม่ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการฯ ชุดนี้ขึ้นมา โดยหลังจากนี้ รอเพียงคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ หากผลออกมาเป็นบวก ก็จะได้กลับเข้ามาทำงานตามเดิม และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และก็จบในส่วนของตนเองเพียงเท่านี้ แต่หากผลออกมาเป็นลบ ตนก็ยังสามารถใช้สิทธิ์ในศาลปกครองสูงสุดได้
แต่วันนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษษฐ์ ก็บอกว่า ได้ชี้แจงด้วยวาจา และหลักฐานที่นำมาด้วยก็ถือว่า “หมดเปลือกแล้ว“ ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ เพราะเป็นกระบวนการทางกฎหมาย แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นในคณะกรรมการฯ เพราะคณะกรรมการฯ ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการ และรับฟังคำชี้แจงจากทั้ง 2 ฝ่าย
ส่วนความรู้สึกวันนี้ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ บอกว่า รู้สึกสบายใจอยู่แล้ว ทั้งก่อนและหลังชี้แจง เพราะมั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย และความเป็นธรรมจะตามมาเอง
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ ว่าผลวินิจฉัยจออกมาไม่ทันกับการเสนอชื่อแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ บอกว่า ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯ
ผู้สื่อข่าว ยังได้ถามเชิงหยอกล้อว่า การเพิ่ม ช.ช้าง อีก 1 ตัวเข้าไปในชื่อ มีผลต่อคำวินิจฉัยหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ หัวเราะ พร้อมยืนยัน ไม่เกี่ยว เป็นเพียงเพื่อความสิริมงคลเท่านั้น โดยมีอาจารย์ที่ดูไว้ให้นานแล้ว เพียงแต่ตนไม่ว่าง ซึ่งความหมายและการอ่านก็เหมือนเดิม
ส่วนผลการวินิจฉัยหากออกมาแล้ว จะมีการส่งไปที่บ้านของพลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า จะต้องรับด้วยตนเอง เพราะไม่สามารถให้ใครรับแทนได้