ที่อาคารรัฐสภา พรรคฝ่ายค้าน นำโดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน และตัวแทนจากพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเป็นธรรม พรรคไทยก้าวหน้า และพรรคใหม่ แถลงถึงแนวทางการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี พ.ศ. 2568
โดยนายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ทุกพรรคเห็นตรงกันว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2568 ไม่ตอบสนองการจัดสรรในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายของพรรคหลักพยายามเบียดบังงบประมาณเรือธงอื่นๆ โดยไม่สนใจว่าจะเบียดบังงบประมาณส่วนอื่น พรรครวมฝ่ายค้านจึงมีมติไม่รับร่างงบประมาณปี 2568
ด้านน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุว่า มี 3 เหตุผลที่ไม่รับร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 คือ
- เรากำลังจัดงบประมาณประเทศที่เสี่ยงกับการคลังและประเทศจะไม่สามารถต่อสู้กับความท้าทายใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งปีนี้เราขาดดุลงบประมาณสูงสุด และอาจจะสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ทำให้ไม่สามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันในอนาคตได้ เพียงเพื่อจะทำให้โครงการเรือธงดิจิตอลวอลเล็ตโครงการเดียวเดินหน้าได้
- มีความพยายามทำโครงการนี้มากจนละเลย โครงการอื่น เช่น Ignite Thailand ซอฟต์พาวเวอร์ และการช่วยเหลือ SMEs ทำให้งบไม่เพียงพอ
3. ประเทศมีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น โลกเราจำเป็นที่ต้องเตรียมตัวตั้งรับ เช่น ปัญหาโลกเดือด การค้าโลก เป็นต้น
ขณะที่นายร่มธรรม ขํานุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า เราเห็นเหมือนกันว่างบประมาณปีนี้พยายามกู้เงินทำนโยบายเรือธง และไม่เพียงแค่ใช้งบประมาณปี 68 เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้งบประมาณปี 67 และกู้เงินจาก ธ.ก.ส .จำนวนรวมกัน 5 แสนล้านบาท ที่ถือเป็นค่าเสียโอกาส สามารถนำไปทำนโยบายอื่นได้ และรัฐบาลไม่รับฟังคำทวงติงจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน รวมถึง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้มองได้ว่ารัฐบาลเมินปัญหาของประเทศ เช่น ปัญหาปากท้อง ปัญหาด้านการศึกษา และยาเสพติด ปัญหาสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มีการจัดสรรงบประมาณเพียงน้อยนิด ทั้งนี้ยืนยันว่าเราจะลงมติคัดค้านร่างพ.ร.บ.นี้ เพื่อหยุดหนี้ก้อนโตที่ประชาชนจะตายผ่อนส่ง
เมื่อถามว่า หากมีโหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้านขึ้นมานั้น จะมีมาตรการอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าแต่ละพรรคจะต้องควบคุมเสียง สส.ในพรรคของตนเอง แต่ขณะนี้ทุกพรรคมีมติตรงกัน คือไม่รับหลักการ แต่ละพรรคจะมีมาตรการลงโทษ สส.ที่โหวตสวน ซึ่งวิปฝ่ายค้านต้องมีการพิจารณาเรื่องต่างๆในอนาคตหากมีการโหวตสวนและไม่สามารถควบคุมเสียงในพรรคได้ ทั้งนี้เชื่อว่าในส่วนของพรรคก้าวไกลจะไม่มีคนโหวตสวนมติอย่างแน่นอน
นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึง ส่งบรรยากาศการอภิปราย ร่างงบประมาณ ปี68 ใน 2วันที่ผ่านมา ว่า การอภิปรายในครั้งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ราบรื่นเน้นเนื้อหาจริงๆ ไม่มีการประท้วง เป็นที่น่าพอใจ
ส่วนการหยุดการก่อหนี้ก้อนโตจากนโยบายเรือธงจะมีการส่งต่อไปยังศาลรัญธรรมนูญให้วินิจฉัยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย หากต้องการยับยั้งจะต้องรอกฎหมายผ่านวาระที่3ไปก่อน และต้องทำการแก้ไขหลังจากนั้น หากยังดื้อดึงที่จะทำต่อ เราต้องรอให้เกิดการกระทำก่อน ถึงจะมีการไปร้องต่อศาล เพราะตอนนี้เนื่องจากการกระทำยังไม่เกิด
ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลอ้างว่าเพิ่งเข้ามาทำงาน จึงยังไม่สามารถแก้ไขปรับปรุงงบประมาณได้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงออมมือในการตรวจสอบ แต่ครั้งนี้รัฐบาลเข้ามาได้เกือบหนึ่งปี จึงไม่มีเหตุผลอ้างใดๆ ยืนยันว่าเราจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้งบประมาณ 2568 คุ้มค่าทุกบาท และบรรลุเป้าหมายอย่างมากที่สุด
“ชื่นชม สส.เพื่อไทย เตรียมการมาเป็นอย่างดี มีข้อมูลที่ค่อนข้างหนักแน่น แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลที่หนักแน่นนั้น ไม่สามารถเป็นเหตุเป็นผลกับการจัดงบประมาณที่เกิดขึ้นได้ เหมือนบอกเหตุผลอีกอย่างแต่งบประมาณจัดทำอีกอย่าง แต่เข้าใจว่า สส.เพิ่งมาเห็นงบประมาณในภายหลัง จึงอยากเสนอแนะว่าในโอกาสหน้าขอให้เข้าร่วมกระบวนการจัดทำงบประมาณเพื่อให้ขับเคลื่อนนโยบายตามที่ตนเองได้เสนอต่อที่ประชุมสภา เพื่อให้เกิดขึ้นได้จริงในปีงบประมาณถัดๆไป”