เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2567 นายเกียรติ (นามสมมติ) อายุ 90 ปี ได้เดินทางมาแจ้งความที่ สน.บางเขน เนื่องจากบัตรประชาชนของตนหาย พร้อมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องราวอันน่าเศร้า หลังจากน้องสาวเสียชีวิต และพี่สาวล้มป่วยอาการหนัก ยิ่งไปกว่านั้น ทรัพย์สินมรดกอันล้ำค่ากว่า 50 บาททองคำ ซึ่งเก็บไว้ใช้ยามแก่ชราและเจ็บป่วย ก็ได้หายไปจากบ้านอย่างไร้ร่องรอย

นายเกียรติ เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กับพี่สาวนางเบญจรัตน์ วัย 92 ปี และน้องสาวนางล้วน วัย 85 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตไป เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา โดยพบนางล้วนเสียชีวิตบนเตียง ส่วนนางเบญจรัตน์นั้นล้มลงหัวเตียงท่ามกลางกลิ่นอุจจาระและปัสสาวะ เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านและเรียกหน่วยกู้ภัยมาช่วยจัดการศพ รวมถึงนำพี่สาวส่งโรงพยาบาล

แต่ปัญหาคือ บัตรประชาชนของผู้เสียชีวิตหาไม่เจอ ทำให้กู้ภัยต้องช่วยกันค้นหาในบ้านที่ค่อนข้างรกและไม่มีผู้ดูแล จนกระทั่งสามารถจัดการศพได้อย่างเรียบร้อย แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ นายเกียรติมาสำรวจทรัพย์สินในบ้าน กลับพบข้าวของถูกรื้อจนกระจัดกระจาย และกล่องเก็บทองคำใต้เตียงน้องสาวก็ว่างเปล่า ทองคำมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทหายไปพร้อมนาฬิกาทองคำ MIDO 3 เรือน โดยนายเกียรติจำได้ว่า ในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย 3 คนเข้ามาเก็บของในห้องน้องสาว และมีผู้หญิงชื่อปัดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ทิ้งเบอร์ไว้ให้หากต้องการให้มาทำความสะอาดบ้าน

นายเกียรติยืนยันว่าเคยเห็นทรัพย์สินเหล่านี้จริง ซึ่งน้องสาวเคยแสดงให้ดูก่อนเก็บไว้ใต้เตียง เป็นทรัพย์สินสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ที่จะเก็บไว้ใช้ดูแลตัวเองยามชราและเจ็บป่วย ทว่าเมื่อหายไปเช่นนี้ จึงได้มาแจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน เพียงเพราะสงสัยและอยากรู้ว่าหายไปไหน โดยไม่ได้ต้องการปรักปรำใคร

นอกจากนี้ นายเกียรติยังประสบปัญหาค่ารักษาพยาบาลสูงของพี่สาวที่ป่วยหนักและรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่ยอมส่งตัวไปรักษาที่ รพ.รัฐ อ้างว่าไม่มีเตียง บังคับให้เซ็นยินยอมรับการรักษาต่อ มิเช่นนั้นจะไม่ให้การรักษา นายเกียรติจึงจำใจเซ็นเพราะเป็นห่วงพี่สาว และขอวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานหา รพ.รัฐ ที่พร้อมรับผู้ป่วยไปรักษาต่อด้วย