คัดลอก URL แล้ว
ลูกสาว “นิกกี้ขยี้ข่าว” เข้าแจ้งความ อ้างแม่ทำร้ายร่างกาย ขู่รีดเงินจากพ่อ

ลูกสาว “นิกกี้ขยี้ข่าว” เข้าแจ้งความ อ้างแม่ทำร้ายร่างกาย ขู่รีดเงินจากพ่อ

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 9 ม.ค. ที่ สน.ประชาชื่น
น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ ประธานกลุ่มเป็นหนึ่ง พร้อมด้วย คุณปิ่น เลอลักษณ์ ได้พาเด็กสาว อายุ 19 และ 14 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของ นิกกี้ ศรินทิพย์ ศรีภักดิ์ เวนไรท์ หรือ นิกกี้ขยี้ข่าว มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากถูกแม่ทำร้ายร่างกายหลายครั้ง โดยใช้ความรุนแรงกับลูกในการข่มขู่ เพื่อเรียกเงินค่าดูแลหลักแสนต่อเดือน กับสามี บางครั้งอ้างว่า ถูกบังคับให้วีดีโอคอลหาพ่อ โดยแม่ใช้ปืนจี้หัว มีดจี้คอ

น้องเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนถูกแม่ทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง ทั้งทุบตี ด้วยไม้ ไม้แขวน มือ ปลั็กไฟ และทำลายพาสปอร์ตเพื่อขู่คุณพ่อ ซึ่งสาเหตุที่ทำร้ายเพราะต้องการเงิน รวมถึงพูดจารุนแรงใส่ โดยเป็นมาตั้งแต่ก่อนโควิด ซึ่งมีตั้งแต่ขอดีๆ กับพ่อ หรือ บังคับให้โทรหาพ่อ รวมถึงใช้วิธีข่มขู่ต่างๆ ล่าสุดที่ทำร้ายร่างกายคือเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว

ส่วนใหญ่เวลาลงมือ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ณ เวลานั้น โดยแต่ละครั้งขอเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเงินที่ต้องเอามาเลี้ยงดูลูกๆ แต่ก่อนเคยโอนให้แม่ แต่ตอนนี้ ได้โอนเงินตรงมาให้ตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้มีปัญหา ซึ่งเป็นรายละเอียดส่วนตัวของแม่ ส่วนที่ว่าเอาไปใช้เปย์บาร์โฮสหรือไม่ ตนเองไม่ขอลงรายละเอียด เพราะเป็นความชอบของแต่ละบุคคล

โดยแม่อ้างว่า จะนำเงินไปทำธุรกิจ ซึ่งยอมรับว่าเวลาแม่ดีแม่ก็รักตนเองมาก แต่เวลาร้ายก็จะร้ายมากเช่นกัน บางครั้งก็ทำร้ายตนเอง ทั้งที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาเราเวลาให้แม่คิดได้ แต่แม่ก็คิดไม่ได้สักที ทำให้ตนตัดสินใจไปหา คุณปิ่น เลอลักษณ์

ซึ่งสาเหตุที่ตัดสินใจมาดำเนินคดี ในวันนี้ เพราะเราต้องการจะหลุดพ้นจากเขา เพราะในทางกฎหมาย เอกสารทางราชการ เช่นหนังสือเดินทาง ไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง ต้องรอบรรลุนิติภาวะก่อน โดยที่ผ่านมาเคยแจ้งความแล้วหลายครั้งแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าข้อมูลไม่เพียงพอ รวมถึง ไม่ร้องกับทางมูลนิธิ แต่ทางมูลนิธิแจ้งว่าจะต้องเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงกับทางคุณแม่ แต่ตนเองกลัว

ทั้งนี้ ตนมีความประสงค์จะขอยื่นขอศาล ห้ามแม่เข้าใกล้ด้วย

ด้านคุณปิ่น กล่าวว่า เด็กทั้งสองคนได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเมื่อวานนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากตน ตนจึงได้สอบถามข้อเท็จจริง และประสานกับทางกลุ่มเป็นหนึ่ง เพื่อให้ประสานความช่วยเหลือ

ขณะที่ น.ส.ชลิดา กล่าวว่า ตนไม่ได้ปั่นเด็ก ตามที่นิกกี้กล่าวหาว่าไปปั่นเด็ก ตนเองไม่ได้รู้จักกับเด็กเป็นการส่วนตัว แต่เด็กไปร้องขอความช่วยเหลือทางคุณปิ่น แต่ในเมื่อเด็กรู้สึกว่าถึงจุดหนึ่งที่อยากจะออกจากตรงนั้น มันเป็นโอกาสเพราะที่ผ่านมาไม่รู้ใครจะช่วยเหลือเขา เพราะพ่อไปอยู่ต่างประเทศ ก็จะต้องมีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ว่าจะสามารถช่วยเหลือเด็กอย่างไรได้บ้าง เพราะหากกลับไปเด็กจะต้องโดนหนักกว่าเดิมแน่นอน ซึ่งน้องจะประสานไปหาคุณพ่อที่อยู่ต่างประเทศ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง