ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจยึด รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว จำนวน 1 คัน พร้อมอุปกรณ์ JAMMER (ตัวบล็อกสัญญาณ GPS) จำนวน 1 ชิ้น บริเวณใต้คอนโซนฝั่งที่นั่งคนขับ
พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.1 และ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล. (นครปฐม-เพชรบุรี) ได้รับการประสานจากนายสุทธิกาญจน์ฯ (ผ่านช่องทางสายด่วน 1193) ว่าตนเองเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทรถเช่าใน จ.นนทบุรี ให้มาดำเนินการประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามรถยนต์ของทางบริษัทฯ ที่ถูกโจรกรรมไป
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 ได้มีนายนัฐวุธฯ (คนร้าย) มาขอเช่ารถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว กับทางบริษัทฯ โดยมีการทำสัญญาระยะเวลาเช่า 3 วัน (ตั้งแต่วันที่ 4-7 ธ.ค.66) ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการส่งมอบรถยนต์เช่าให้กับนายนัฐวุธฯ แล้ว ต่อมาในวันที่ 7 ธ.ค.66 ทางบริษัทฯ ตรวจสอบพบว่าสัญญาณ GPS ของรถเช่าคันดังกล่าวได้ขาดหายไป และบริษัทฯ ไม่สามารถติดต่อกับนายนัฐวุธฯ ได้
ทางบริษัทฯ จึงได้ทำการตรวจสอบสัญญาณ Airtag ที่อยู่ในรถเช่าคันดังกล่าว ผ่านแอปฯ โทรศัพท์ พบว่ายังมีสัญญาณการเคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ถนนบรมราชชนนีเขตศาลาธรรมสพน์ แขวงทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ทิศทางมุ่งหน้า จ.นครปฐม ทางบริษัทฯ จึงได้ประสานมายังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามรถเช่าคันดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับผู้เสียหาย จึงได้เดินทางไปยังจุดที่พบสัญญาณ GPS ซึ่งอยู่บริเวณชายป่า หมู่ 9 ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดยเมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าว ได้พบรถเช่าคันดังกล่าวจอดอยู่ โดยมีนายสุรสิทธิ์ฯ แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่
จากการสอบถาม นายสุรสิทธิ์ฯ ให้การว่า ตนได้ติดต่อรับรถคันดังกล่าวมาจากนายชัยภัทรฯ ซึ่งเป็นเพื่อนของตนที่รู้จักกันมาประมาณ 10 ปี โดยนายชัยภัทรฯ เป็นผู้รับจำนำรถจากผู้เล่นที่เล่นการพนันเสีย โดยหากว่ารถคันใดไม่มีผู้มาไถ่คืน นายชัยภัทรฯ จะมาเเจ้งให้ตนทราบ หลังจากนั้นตนจะดำเนินการเป็นผู้รับจำนำต่อ
ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา นายชัยภัทรฯ ได้ติดต่อมาหาตน โดยแจ้งให้ตนทราบว่านายนัฐวุธฯ อยากจำนำรถฟอร์จูนเนอร์ (รถเช่าคันดังกล่าว) ในราคา 520,000 บาท ตนสนใจจึงตกลงรับจำนำรถคันดังกล่าว โดยนัดรับรถกันในวันที่ 7 ธ.ค.๖๖ ที่บริเวณพื้นที่ มีนบุรี กรุงเทพฯ โดยมีนายนัฐวุธฯ เป็นผู้นำรถคันดังกล่าวมามอบให้กับตน พร้อมกับกุญแจ 1 ดอก จากนั้นตนจึงได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารชื่อบัญชีนายณพลฯ จำนวน 380,000 บาท และ จำนวน 40,000 บาท ตามที่ได้ตกลงกันไว้ และได้ขับขี่รถคันดังกล่าวกลับมายัง จ.ราชบุรี และนำมาจอดไว้บริเวณชายป่า ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถเช่าคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งนายสุรสิทธิ์ฯ ทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่ทางบริษัทฯ ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามคืน เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้ให้นายนัฐวุธฯ เช่ารถคันดังกล่าวไป แต่เมื่อครบกำหนดเวลาเช่า พบว่าสัญญาณ GPS ได้ขาดหายไป และไม่สามารถติดต่อกับผู้เช่าได้ นอกจากนี้ยังเเจ้งให้ทราบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าวเพื่อส่งคืนบริษัทต่อไป ซึ่งนายสุรสิทธิ์ฯ ผู้ครอบครองยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจยึดรถยนต์คันดังกล่าว
จากการตรวจสอบรถเช่าคันดังกล่าวพบว่า มีการติดตั้งเครื่อง JAMMER ซึ่งเป็นตัวบล็อกสัญญาณ GPS จำนวน 1 ชิ้น ที่บริเวณใต้คอนโซนฝั่งที่นั่งคนขับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดอุปกรณ์ พร้อมนำส่งรถคันดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า คนร้ายมักจะมีพฤติการณ์ไปติดต่อขอเช่ารถตามบริษัทฯ ให้เช่ารถต่าง ๆ โดยมีการทำเอกสารปลอม หรือใช้เอกสารหลักฐานของผู้อื่น โดยหลังจากที่คนร้ายได้นำรับรถเช่าไปเเล้ว คนร้ายจะนำอุปกรณ์ JAMMER ซึ่งเป็นตัวบล็อกสัญญาณ GPS ติดไว้ในรถ เพื่อไม่ให้บริษัทรถเช่าติดตามรถกลับคืนได้ และหลังจากนั้นจะนำรถไปขายต่อในราคาถูก