ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.อ. อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าในการกู้เรือสุโขทัยที่อับปางในวันที่ 18 ธันวาคม 65 ว่า เป็นขั้นตอนที่ยากมาก เพราะเรือสุโขทัยจมที่ความลึก 50 เมตร ซึ่งการจะนำเรือรบที่มีความลึกในระดับ 50 เมตรขึ้นมาทั้งลำ และต้องอยู่ในสภาพที่สมบรูณ์ที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายกองทัพเรือต้องการนำเรือขึ้น มาในสภาพสมบูรณ์ที่สุด เพราะเป็นวัตถุพยาน เพื่อนำมาปิดคดี ดังนั้นบริษัทต่างๆที่เข้าประมูลต้องมีใบอนุญาตต่างๆมากมาย ซึ่งขณะนี้น่าจะได้คำตอบที่ดี
ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวอีกว่า หากเป็นไปตามไทม์ไลน์ คาดว่าจะเสนอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอนุมัติ จัดจ้างบริษัทที่จะทำการกู้เรือ ในช่วงเดือนธันวาคม 66 นี้ และจะได้เริ่มกระบวนการกู้เรือต่อไป หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ก็ขอให้เรือหลวงสุโขทัยขึ้นมาในช่วงต้นปีหน้า ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2567 ทั้งนี้หลังจากนำเรือขึ้นมาแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น กองทัพเรือจะพิจารณาในขั้นตอนต่อไป
เมื่อถามว่ามีความคืบหน้าขั้นตอนการประมูลของบริษัท ที่จะมาดำเนินการกู้เรือนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ใกล้เสร็จสิ้นแล้วเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย ส่วนการสอบสวนคดีนี้จะสิ้นสุดในยุคที่ตนทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารเรือหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า จะต้องจบในยุคนี้ เพราะเสนาธิการทหารเรือ คนก่อนทำสำนวนไว้แล้ว ว่าเรือสุโขทัยประสบอุบัติเหตุในจุดใดบ้างของเรือ เมื่อนำเรือขึ้นมาแล้วจะตอบโจทย์ ตามข้อสันนิษฐานในสำนวนคดี ถ้าใช่ตรงตามนั้นก็เป็นอันว่าจบ และจะทราบว่าเรือจมเพราะอะไร
เมื่อถามว่า สภาพของเรือหลวงสุโขทัยล่าสุดอยู่ในลักษณะใดนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า เหมือนเป็นอภินิหาร เรือหลวงสุโขทัย ยังคงตั้งตรง เหมือนลอยอยู่บนผิวน้ำ หัวเรือหันหน้าไปทางศาลกรมหลวงชุมพรที่จังหวัดชุมพร ตั้งแต่วันที่จมจนถึงปัจจุบัน ก็ยังอยู่ในสภาพนั้น
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลว่า จุดที่เสียหายบริเวณบนเรือ จะถูกทำลายโดยธรรมชาติ และเสื่อมไปตามกาลเวลาหรือไม่ พล.ร.อ.อะดุง กล่าวว่า มองว่า ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น อาจจะมีเพียงตะไคร่น้ำเข้าไปเกาะที่ตัวเรือ ที่เป็นเหล็ก หากไม่มีอะไรไปกระทบตัวเรืออย่างรุนแรงสภาพของเรือก็จะอยู่เหมือนเดิม ในโอกาสวันกองทัพเรือในวันนี้ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับกองทัพเรือ และลูกหลานเสด็จเตี่ยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมทั้งขอให้การผลักดันโครงการเรือดำน้ำประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน