กระทรวงต่างประเทศ ยืนยัน ยอดตัวประกันไทยในอิสราเอลยังมี 18 คนคงเดิม พร้อมส่งข้อความเตือนแรงงานไม่ต้องรอค่าแรง ขอเดินทางกลับเพื่อความปลอดภัย วอน ทูตอิสราเอลประจำUN เคารพผู้เสียชีวิตและครอบครัว หลังนำคลิปเปิดโชว์กลางที่ประชุมสมัชชา ทราบเบื้องต้นไม่ได้ขออนุญาตก่อน
นางกาญจนา ภัทรโชติ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล – กาซา และความคืบหน้าภารกิจอพยพคนไทยในอิสราเอล ว่า กระทรวงการต่างประเทศมีประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวัน โดยวันนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะร่วมประชุมออนไลน์ให้กำลังใจทูตและแรงงานที่อยู่ที่นั่นด้วย
ขณะที่สถานการณ์ฝ่ายต่างๆ ได้พยายามคุยกับอิสราเอลให้ชะลอการบุกอย่างเต็มรูปแบบไปก่อนเพื่อความคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกัน
ส่วนกรณีตัวประกันที่ถูกควบคุมตัว ได้ถูกปล่อยออกมา 2 รอบ จำนวน 4 คน ซึ่งทุกฝ่ายได้เรียกร้องให้มีการดูแลความปลอดภัยตัวประกันและปล่อยตัวประกันที่เหลืออย่างเร็วที่สุด
ขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการของแรงงานไทยที่เสียชีวิตที่ 33 ราย บาดเจ็บ 18 ราย อยู่ระหว่างรักษาพยาบาล 5 ราย ถูกจับตัวประกัน 18 ราย ตัวเลขทั้งหมดยังคงเดิม
ขณะที่เมื่อวานนี้(26 ต.ค.)มีข่าวในสื่อต่างประเทศว่า มีผู้ถูกจับกลุ่มมีคนไทยถึง 54 คน ซึ่งได้มีการติดต่อทางการทูตที่อิสราเอล ยืนยันว่าทางการอิสราเอลไม่ทราบแหล่งที่มาของข่าวดังกล่าว อยู่ระหว่างขอยืนยันตัวเลขจากทางการอิสราเอลอีกครั้ง พร้อมยืนยันตัวเลขตัวประกันชาวไทยยังคงอยู่ที่ 18 คน ซึ่งหวังว่าคงไม่มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นและทางการไทยยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่การดำเนินการของภาครัฐ ได้ทำการส่งร่างพี่น้องแรงงานไทยกลับสู่ประเทศแล้ว 2 ครั้ง รวม 15 ราย ความคืบหน้าล่าสุดมีเที่ยวบินอพยพรวมแล้ว 23 เที่ยวบิน และมีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านสถานทูตแล้วจำนวน 4,771 คนย้ำสำหรับผู้ที่จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเดินทางมาเองสามารถนำเอกสารมาเบิกค่าใช้จ่ายได้ ขณะที่นักศึกษาไทยสถาบัน AICAT เดินทางกลับทั้งหมด 40 คน อีก 75 คน ไม่ประสงค์เดินทางกลับ
ส่วนแรงงานไทยที่ยังไม่พร้อมจะกลับและรอค่าแรงอยู่ทางรัฐบาลพยายามส่งข้อความขอให้กลับมาตั้งหลักที่ประเทศไทยเพื่อความปลอดภัย และยังสามารถกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้
ส่วนกรณีที่นายกิลาด เออร์ดาน อัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ(UN) ได้นำคลิปที่อ้างว่าแรงงานไทยถูกทำร้าย นั้น นางกาญจนา ระบุว่า การกระทรวงการต่างประเทศและเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ติดตามการประชุมดังกล่าวแล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่ต้องเคารพต่อผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหรือแม้แต่ผู้ที่ถูกจับกุม ไม่ใช่ข้อมูลที่จะต้องนำมาเปิดเผยควรเห็นใจญาติและครอบครัวด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นคณะผู้แทนถาวร ณ นครนิวยอร์ก จะมีการติดตามและพิจารณาเรื่องนี้เพราะโดยปกติแล้ว การจะนำเอกสารหรือภาพและคลิปวีดีโอมาแสดงต่อที่ประชุมสมัชชาฯ จะต้องขออนุญาตผ่านฝ่ายเลขานุการก่อน แต่ทราบว่าคลิปดังกล่าวไม่ได้มีการขออนุญาตก่อน จึงจะต้องมีการติดตามประสานงานต่อไป