ผ่านวันที่ 3 ของเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ แบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเมื่อวานที่ผ่านมา อิสราเอลสามารถควบคุมสถานการณ์ในภาพรวมได้แล้ว แม้ว่า ยังคงมีการปะทะกันอยู่ในบางพื้นที่
อิสราเอล ยังคงเดินหน้าโจมตีไปยังจุดต่าง ๆ ในฉนวนกาซาอย่างหนัก
ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ในปฏิบัติการ “Swords of Iron” ที่ทางอิสราเอลตอบโต้กลุ่มฮามาส โดยระบุว่า “การกระทบของฮามาสมีราคาที่จะต้องจ่าย” โดยมีรายงานระบุว่า อิสราเอลได้โจมตีไปยังเป้ามหายกว่า 1,700 แห่งในฉนวนกาซา ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งอิสราเอลอ้างว่า ศูนย์บัญชาการต่าง ๆ ของฮามาสจำนวน 73 แห่งได้ถูกทำลายลง รวมถือจุดสำคัญทางการทหารอีก 23 แห่ง และจุดที่คาดว่า เป็นฐานใต้ดินของกลุ่มฮามาสอีก 22 แห่ง
ในขณะที่ กองทัพอิสราเอลได้เคลื่อนกำลังพลเข้าประชิดพื้นที่ของฉนวนกาซาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันอยู่ในบางจุด ซึ่งรวมถึงในพื้นที่ ที่หน่วยแทรกซึมของฮามาสได้กระจายกันก่อเหตุในเมืองต่าง ๆ ทางตอนใต้ของอิสราเอลด้วย
ฮามาสขู่ “สังหารตัวประกัน”
จากการโจมตีอย่างหนักของอิสราเอลที่เกิดขึ้น ทำให้ทางกลุ่มฮามาสได้ออกประกาศว่า “จะสังหารตัวประกัน” หากอิสราเอลยังไม่เลิกการโจมตีทางอากาศไปยังพลเรือน ในฉนวนกาซา โดยไม่มีการแจ้งเตือน ซึ่ง มูซา อาบู มาร์ซุก หนึ่งในสมาชิกระดับสูงของกลุ่มฮามาส ได้เผยแพร่คลิปตัวประกันที่เป็นพลเรือนพร้อมกับคำขู่ดังกล่าว และทางกลุ่มฮามาสจะไม่เปิดการเจรจาจนกว่า อิสราเอลจะหยุดโจมตีไปยังฉนวนกาซา
ทางด้านของทางการอิสราเอลมีการประกาศกร้าวไปถึงกลุ่มฮามาสใน ฉนวนกาซาจะเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะต้องเผชิญการปิดล้อมแบบเบ็ดเสร็จ ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า และสิ่งอื่น ๆ ของฉนวนกาซา
…
“ผมได้สั่งให้ปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างสมบูรณ์ จะไม่มีไฟฟ้า ไม่มีอาหาร ไม่มีเชื้อเพลิง ทุกอย่างถูกปิด เรากําลังต่อสู้กับคนป่า และเราปฏิบัติตามนั้น”
– Yoav Gallant รัฐมนตรี กระทรวงกลาโหมของอิสราเอล
…
ด้านประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส วัย 87 ปี ผู้นำปาเลสไตน์ได้เรียกร้องต่อสหประชาชาติให้แทรกแซงการโจมตีที่เกิดขึ้นของอิสราเอล ที่กำลังเดินหน้ารุกรานพื้นที่ของฉนวนกาซา พร้อมทั้งให้ทำการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นการเร่งด่วน
ยอดผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางการอิสราเอลรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสแล้วอย่างน้อย 900 ราย บาดเจ็บมากกว่า 2,300 ราย ในขณะที่กลุ่มฮามาสได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาอยู่ที่ 687 ราย และบาดเจ็บอีกเกือบ 4,000 คน โดนในจำนวนนี้ราว 10% เป็นเด็ก และมีแพทย์ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้ว 5 ราย
นอกจากนี้ ทางการอิสราเอลได้รายงานว่า รองผู้บัญชาการของอิสราเอลจำนวนหนึ่งราย เสียชีวิตจากการโจมตีของฮิซบุลลอฮ์ จากเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณพรมแดนระหว่างอิสราเอลและเลบานอน ซึ่งแนวโน้มความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศมีเพิ่มมากขึ้น และทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า เหตุกาณณ์ที่เกิดขึ้นนี้ จะขยายวงกว้างออกไปอีกหรือไม่
นานาชาติยังเสียงแตก
ท่าทีของชาติต่าง ๆ ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในชาติที่ออกตัวสนับสนุนและอยู่ฝั่งเดียวกับอิสราเอล แต่ก็ระบุว่า ยังไม่มีแผนในการส่งกองกำลังเข้าไปในพื้นที่ มีเพียงการส่งกองเรือเข้าไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันออกเท่านั้น ส่วนโฆษกด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว ได้กล่าวหาว่า อิหร่านนั้นสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มฮามาส ในการโจมตีอิสราเอล
ในขณะที่สหภาพยุโรปนั้นระบุว่า จะยังคงไม่ตัดเงินช่วยเหลือพลเรือนชาวปาเลสไตน์ เพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอยู่
ทางด้านของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย ได้แสดงท่าทีและย้ำว่า ซาอุฯ จะยังคงยืนหยัดเคียงข้างกับชาวปาเลสไตน์ต่อไป และจะเดินหน้าสนับสนุนความสงบและเสถียรภาพในพื้นที่ เช่นเดียวกับมาเลเซีย ที่ได้แสดงท่าทีในการยืนเคียงข้างกับรัฐบาลปาเลสไตน์ต่อไป
ส่วนประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซี แห่งอียิปต์ รวมถึงนายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นําตุรกี เรียกร้องให้ทั้งฮามาส และอิสราเอล ยุติความรุนแรงและหันหน้าเพื่อหาทางแก้ปัญหาอย่างสันติร่วมกัน
เดินขบวนสนับสนุน-ต่อต้านในหลายประเทศ
นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอิสราเอล และ ฉนวนกาซาแล้ว ในหลายประเทศ มีประชาชน ทั้งชาวปาเลสไตน์และกลุ่มผู้ที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ออกมาเดินขบวนแสดงออกในการสนับสนุน และอยู่เคียงข้างกับชาวปาเลสไตน์ เช่นที่ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีคนมากกว่า 1,000 คนที่ออกมารวมตัว กันบริเวณโอเปราเฮ้าส์ พร้อมกับชูธงชาติปาเลสไตน์ เช่นเดียวกับในบางเมืองของสหรัฐฯ อย่างนิวยอร์ค, แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
ในขณะที่อีกฝากฝั่งหนึ่ง ก็มีกลุ่มที่สนับสนุนอิสราเอลออกมาเดินขบวนเรียกร้องด้วยเช่นกัน ส่งผลให้ในบางจุด มีการเผชิญหน้ากันของทั้งสองฝ่าย แต่ยังคงไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น