คัดลอก URL แล้ว
ย้อนเส้นทาง ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับฉายา ‘แมวเก้าชีวิต’

ย้อนเส้นทาง ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับฉายา ‘แมวเก้าชีวิต’

เรียกได้ว่าปัญหาถาโถมโหมกระหน่ำเข้าใส่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล​ หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 ในช่วงเช้า อีกหนึ่งประเด็นร้อน เมื่อตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (สอท.) พร้อมชุดคอมมานโด ได้นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าค้นบ้านของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก และบ้านที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพัก รวมทั้งหมด 5 หลัง  โดยลูกน้องคนสนิทบิ๊กโจ๊กโดนออกหมายจับ 8 ราย เชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์

โดยการตรวจค้นในครั้งนี้ นำไปสู่การตั้งคำถามของสังคมว่า อาจเป็นการเตะตัดขาตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนวันที่จะมีการพิจารณาแต่งตั้งผบ.ตร. คนใหม่ เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น ซึ่งบิ๊กโจ๊ก มีรายชื่อเป็น 1 ใน 4 ตัวเต็งชิงเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ด้วย

ซึ่งก่อนหน้านี้หากจำกันได้ในคดีกำนันนก ‘บิ๊กโจ๊ก’ ถือได้ว่าเป็นหัวเรือใหญ่ในการสางคดี แต่สุดท้ายมีคำสั่งจาก ผบ.ตร. ให้โอนย้ายคดีนี้ไปให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานรับผิดชอบแทน

ประวัติการรับราชการ

เริ่มต้นรับราชการตำรวจ

ระดับผู้กำกับการ

หลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพันตำรวจเอก พันตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ในขณะนั้น ได้รับตำแหน่งผู้กำกับการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่อำนวยการประจำผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ระดับผู้บังคับการและผู้บัญชาการ

มีคำสั่งย้าย

ในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมาย

จนวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้มีคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทนักบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

และให้ถูกเพิ่มรายชื่อในบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 16/2558 เพื่อได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เนื่องด้วยมีมูลกรณี เมื่อถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน

ในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2563 ได้มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาจรรยาและวินัยข้าราชการ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าคำสั่งนี้ออกมาเนื่องจากมีการร้องเรียน จึงต้องเตือนไว้ก่อน

ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นหนังสือลากิจเพื่อขอบวชที่วัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นเวลา 9 วัน และกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2563

ในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อศาลปกครองกลาง เรื่องคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม กรณีถูกย้ายจาก ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ไม่รับคำฟ้องและจำหน่ายคดีออก

เนื่องจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ขอให้พิจารณามีคำสั่งกลับไปปฏิบัติหน้าที่ราชการดังเดิม แต่ยังไม่พ้นกำหนด 90 วันนับตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือ จึงถือว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนตามที่ได้ยื่นฟ้องศาลไว้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี

‘แมวเก้าชีวิต’ กลับสู่วงการกากีอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีมติเห็นชอบให้รับโอนมาบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ พ้นจากตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา (สบ.9) เทียบเท่าผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2564[

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.พ.ศ. 2564 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ จำนวน 273 ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป ยกเว้นลำดับที่ 169 ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป โดย พล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล เลื่อนจาก ที่ปรึกษา (สบ 9) สตช. ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กระทั่งในปี 2565 ขยับขึ้นมาเป็น รอง ผบ.ตร.

จากคำสั่งดังกล่าวที่ถูกย้ายให้ไปเป็นข้าราชการพลเรือนกว่า 2 ปี ก่อนจะมีคำสั่งให้ย้ายกลับมาสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีก ครั้ง ทำให้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ ได้รับฉายา ‘แมวเก้าชีวิต’

‘บิ๊กโจ๊ก’ กับชื่อติดโผแคนดิเดต ผบ.ตร.

ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ช่วงบ่ายของวันที่ 27 กันยายนนี้ วาระเพื่อพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 14 แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งจะพิจารณาและเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมต่อที่ประชุม ก.ตร. จากรายชื่อ รอง ผบ.ตร. 4 นาย ซึ่งหากเรียงลำดับอาวุโส ประกอบด้วย

จ่อเอาผิด ม.149-ม.157 “บิ๊กโจ๊ก” พร้อมพวกคดีเว็บพนันฯ

ต่อมา ความคืบหน้าคดีการขยายผลเอาผิดคดีเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ดำเนินต่อไป จนเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 67 รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาเผยการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบหลักฐานเชื่อมโยงกับนายตำรวจระดับสูง และพบเงินหมุนเวียนมากกว่า 300 ล้านบาท

โดยพลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและรองหัวหน้า พนักงานสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ เครือข่ายมินนี่ ว่า กลุ่มนายตำรวจ 5 นาย ที่ถูกกล่าวถึงซึ่งมีชื่อมี ‘พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมอยู่ด้วย โดยเป็นการขยายผลเส้นทางการเงินจากกลุ่มบัญชีม้า

ขณะที่พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงคดีนี้ว่า การทำงานของคณะพนักงานสอบสวนตามพยานหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ ซึ่งไม่ได้กลั่นแกล้งหรือใส่ร้ายใคร

“บิ๊กโจ๊ก” ยันไม่เกี่ยวคดีมินนี่ เชื่อมีผู้หวังทำลายชื่อเสียง

ขณะที่ทางฝั่งของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายมินนี่  ส่วนข้อมูลว่า ถูกดำเนินคดีพร้อมตำรวจรวม 5 นาย นั้นไม่เป็นความจริง พร้อมฝากถึงพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดี ด้วยว่า จะต้องปฏิบัติหน้าภายใต้กฎหมาย ยึดตามพยานหลักฐาน หากทำไปโดยเจตนาแจ้งข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จอาจถูกดำเนินคดีได้ 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์  ให้ข้อมูลด้วย ว่า กรณีของตัวเองและตำรวจรวม 5 นาย ที่พนักงานสอบสวนกล่าวหาเพิ่มเติม ถูกส่งให้กับ ป.ป.ช.ไปแล้ว ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2566  และยังไม่มีใครถูกแจ้งข้อกล่าวหาหรือถูกดำเนินคดีอันเกี่ยวข้องกับคดีพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ 

“ทนาย” ยืนยัน “บิ๊กโจ๊ก” ไม่มีหมายเรียกจากศาลฯ

ขณะที่วานนี้ มีรายงานข่าวว่า มีการออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” ถูกกล่าวหาพัวพันคดีเว็บพนัน ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. ที่ผ่านมา ทีมทนายความของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ขณะนี้ตรวจสอบแล้ว ศาลไม่มีการออกหมายเรียก “บิ๊กโจ๊ก” เนื่องจาก ตามข้อเท็จจริงแล้วศาลไม่ได้ออกหมายจับ ดังนั้น การที่ให้คณะพนักงานสอบสวนยังดำเนินคดีนี้อยู่ มองว่า “ไม่ถูกต้อง” เพราะเรื่องนี้ได้ส่งให้ทาง ป.ป.ช.แล้ว จากนี้ต้องฟังมติจาก ป.ป.ช.ไต่สวนว่า “บิ๊กโจ๊ก” มีความผิดหรือพัวพันกับเว็บพนันหรือไม่ พร้อมกับ “บิ๊กโจ๊ก” ฝากทีมทนายมา ยืนยันว่า “ไม่ได้มีการยุ่งเกี่ยวหรือกระทำความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ พร้อมไม่ได้เอี่ยวเส้นทางการเงินกับเว็บพนันมินนี่”

เปิดใจยันความบริสุทธิ์ ไม่ตอบถูกกลั่นแกล้ง สกัดเก้าอี้ ผบ.ตร.

ล่าสุดวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ครั้งแรก กรณีพนักงานสอบสวน ไปยื่นคำร้องขอออกหมายจับ กลุ่มตำรวจและพลเรือนพัวพันเว็บพนันออนไลน์ จากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีเว็บไซต์พนัน BNKMaster ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.)เตาปูนเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ซึ่งมีนายตำรวจยศ พล.ต.อ.ด้วยว่า ในเรื่องนี้ได้มอบหมายให้ทีมทนายความแถลงข่าวไปแล้วเมื่อวานนี้ ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และศาลได้เพิกถอนหมายจับ และก็ไม่ได้มีการออกหมายเรียกใดๆทั้งสิ้น

พร้อมย้ำว่า กระบวนการยุติธรรมต่างๆ กำลังทำงานอยู่ ตนขอยืนยันเชื่อมั่นและจะไม่ก้าวก่ายหรือเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การทำงานของตนยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขอเอาเวลามาคิดมาทำงานเพื่อตำรวจเพื่อองค์กรเพื่อพี่น้องประชาชนดีกว่า

เมื่อถามถึงขั้นตอนทางกฎหมาย หลังจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่าขอให้ทนายความเป็นผู้ชี้แจง หากตนพูดจะเป็นการยืดเยื้อ ตนจะไม่ขอลงรายละเอียดใดๆ แต่ยังยืนยันชัดเจนว่าการทำงานของตนเอง การปราบปรามจับกุมที่ผ่านมาไม่เกี่ยวข้องพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ขอตอบคำถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ส่วนเรื่องแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปอย่างนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่าตนเองไม่เครียดและขอเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป



ข่าวที่เกี่ยวข้อง