นายพลอับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ผู้นำรัฐประหารในประเทศไนเจอร์ ได้ออกแถลงการเสนอกรอบเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 ปี จากรัฐบาลทหาร สู่การปกครองของประชาชน
โดย พลเอกอับดุลราห์มาน ทะเชียอานี ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันเสาร์ ( 20 ส.ค. ) ที่ผ่านมา โดยระบุว่า มีแผนในการเปลี่ยนผ่านอำนาจจากรัฐบาลทหาร สู่รัฐบาลที่มาจากพลเรือน โดยอยู่ในระหว่างการพิจารณาหลักการต่าง ๆ ที่คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 30 วันในการเจรจาพูดคุยกับฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใน สภาพิทักษ์มาตุภูมิแห่งชาติ หรือ National Council for the Safeguard of the Homeland (CNSP) ก่อน
ซึ่งในขณะนี้ ไนเจอร์ยังคงพร้อมสำหรับการเปิดการเจรจากับชาติต่าง ๆ ในกลุ่ม ECOWAS เนื่องจากไนเจอร์ไม่ได้ต้องการสงครามในประเทศ โดยพลเอกอับดุลราห์มาน ทะเชียอานี ได้กล่าวว่า
“ขอพูดอย่างชัดเจนว่า หากเกิดการโจมตีขึ้นกับเรา มันจะไม่เป็นเหมือนกับการออกไปเดินเช่นในสวนสาธารณะ แบบที่หลายคนคิด“
ถือเป็นการตอบโต้ไปยังชาติในกลุ่ม ECOWAS ที่ได้ระบุก่อนหน้านี้ว่า ในการประชุมชาติสมาชิกได้ข้อสรุปต่าง ๆ แล้ว รวมถึง “วันดีเดย์” ที่จะใช้ในการแทรกแซงทางทหารต่อไนเจอร์ และได้มีการสั่งให้กองกำลังทหารของชาติที่เข้าร่วมอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมรอรับคำสั่งแล้ว
เครื่องบินรบของมาลีถึงไนเจอร์
ภายหลังจากการประกาศของชาติกลุ่ม ECOWAS เกิดขึ้น ถึงกำหนดการที่จะเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อไนเจอร์ เพื่อทวงคืนอำนาจให้แก่ประธานาธิบดีมูฮัมเหม็ด บาซูม ที่ถูกควบคุมอยู่ตั้งแต่วันที่มีการยึดอำนาจในไนเจอร์
ผู้นำทหารของประเทศมาลี และบูร์กินาฟาโซ ที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศยืนเคียงข้างไนเจอร์ โดยระบุว่า หากกองกำลังชาติใดบุกไนเจอร์ เท่ากับเป็นการโจมตีประเทศของตนด้วย ได้มีการเคลื่อนไหว โดยมีการส่งเครื่องบินรบบางส่วนไปยังสนามบินในประเทศไนเจอร์ เพื่อแสดงท่าทีที่ยังคงยืนยันในการเคียงข้างไนเจอร์
เช่นเดียวกับ นายพลอับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ที่ได้กล่าวในแถลงการณ์นี้ ระบุว่า การที่กองกำลังของชาติในกลุ่ม ECOWAS ที่มีการจัดตั้งกองกำลังร่วมกับกองทัพต่างชาติ เตรียมที่จะโจมตีไนเจอร์ รวมถึงการคว่ำบาตรต่อไนเจอร์ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และไร้มนุษยธรรม
นายพลอับดุลราห์มาน ทะเชียนิ ยังกล่าวในแถลงว่า การยึดอำนาจในครั้งนี้ไม่ใช่เป็นความทะเยอทะยานอยากที่จะมีอำนาจ และพร้อมที่จะมีการเจรจาโดยเอาผลประโยชน์และความต้องการของชาวไนเจอร์เป็นที่ตั้ง
กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหารเคลื่อนไหว
ภายหลังจากการยึดอำนาจที่เกิดขึ้นในประเทศไนเจอร์ มีกลุ่มประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ออกมาสนับสนุนการยึดอำนาจประธานาธิบดีบาซูม พร้อมทั้งแสดงท่าทีในการขับไล่กองกำลังต่างชาติ เช่น ฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ให้ออกนอกประเทศไนเจอร์
พร้อมทั้งยังแสดงท่าทีที่ไม่พอใจฝรั่งเศส โดยระบุถึงการได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสนั้น เป็นเพียงภาพในฉากหน้า แต่ฝรั่งเศสยังคงมีอำนาจและอิทธิพลในประเทศ รวมถึงยังกล่าวด้วยว่า ฝรั่งเศสยังคงแสวงหาผลประโยชน์จากไนเจอร์ทั้งจากเหมืองแร่ น้ำมัน และอื่น ๆ ดังเช่นสมัยที่ไนเจอร์ยังคงเป็นชาติอาณานิคมอีกด้วย
ภายหลังจากที่ชาติในกลุ่ม ECOWAS ได้ประกาศว่า มีกำหนดวันดีเดย์ในการแทรกแซงทางทหารต่อไนเจอร์ กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหารได้ออกมาเดือนขบวน พร้อมทั้งตะโกนสนับสนุนผู้นำทางทหาร และประกาศพร้อมปักหลักสู้กับกองกำลังของชาติต่าง ๆ ที่รุกรานไนเจอร์ด้วย
ประชาชนหลายพันคนที่สนับสนุนการยึดอำนาจได้มาต่อแถวร่วมลงชื่อเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพไนเจอร์ ในการต่อสู้กับกองกำลังต่างชาติที่จะเข้าแทรกแซงทางทหารต่อไนเจอร์ โดยยืนยันว่า พร้อมที่จะสู้ และการมาร่วมลงชื่อในครั้งนี้ เพื่อยืนยันเจตนารมย์
