วันนี้ (3 ส.ค.66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง แถลงข่าวแฉเพื่อชาติ หลังพรรคเพื่อไทยไม่จับมือพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล ใจความคือที่นายชูวิทย์แถลงแฉคือ การทำนิติกรรมอำพรางแบ่งขายที่ดิน 12 คน 12 วัน จ่ายเงินเฉพาะกรมที่ดิน 59.2 ล้านบาท ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีถึง 521 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์กล่าวว่า นายเศรษฐา คือนายทุนในวันที่เป็นกรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ ซื้อที่ดินทั่วประเทศ จะบอกว่าไม่รู้ว่าเขาโอนวิธีนี้ แถมยังมีการทำรายการประชุม ซึ่งมีลายเซ็นต์รับรองอีกด้วย
โดยนายชูวิทย์ ระบุด้วยว่า ผู้ซื้อเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีการนี้จะทำให้ผู้ขายเลี่ยงภาษี ประหยัดค่าภาษีมาเป็นส่วนแบ่งหรือไม่ องค์ประกอบของผู้ขายที่ดินเข้าลักษณะเป็นคณะบุคคล กรณีนี้มีแนววินิจฉัยกรมสรรพากร เจ้าของ 12 คน เป็นการถือกรรมสิทธิ์ร่วม มีส่วนในที่ดินโดยไม่ได้บรรยายว่าส่วนไหนเนื้อที่เท่าไรเป็นของใคร ขายให้ผู้ซื้อรายเดียว ขายในเวลาเดียวกัน มีเจตนาร่วมลงทุนในการขายที่ดิน ต้องนำส่วนแบ่งกำไรไปยื่นเสียภาษีบุคคลธรรมดา (ภงด 90) ในอัตราก้าวหน้าสูงสุด
เมื่อถามว่าทำไมถึงต้องเป็นคนออกมาแฉนายเศรษฐามีปัญหากันหรือไม่ นายชูวิทย์บอกว่า ซึ่งตนไม่ได้โกรธเคืองนายเศรษฐา แต่พรรคเพื่อไทยเกิดการตะบัตสัตย์พลิกขั้วตั้งรัฐบาล แล้วเอานายเศรษฐามาเป็นหุ่นเชิด การที่ตนออกมาพูดเพราะนายกฯประเทศไทยต้องมีความซื่อสัตย์ ซึ่งแฉครั้งนี้ยืนยันว่าแฉเพื่อชาติ จะเอาไปยื่นให้กับพรรคก้าวไกล เพื่อพิสูจน์ว่าก้าวไกลกล้าไหม เห็นบอกว่าอย่าลดขนาดนายทุนในประเทศ
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ แจ้งว่าจะนำข้อมูลนี้ไปยื่นให้ กลต. กรมสรรพากร และประธานรัฐสภา และอยากจะตั้งคำถามไปยัง สว.ด้วยว่า ถ้าได้ข้อมูลแบบนี้ จะโหวตให้อีกหรือไม่
ภาพ – ธนโชติ ธนวิกรานต์
