วันนี้ ( 17 กรกฎาคม 2566 ) จุดแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย ส.ว. อีกกว่า 10 คน อาทิ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ,นายสมชาย แสวงการ ,นายกำพล เลิศเกียรติดำรงด์ นายจเด็จ อินทร์สว่าง ,นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ,นายออน กาจกระโทก และทีมทนายความแถลงข่าว กรณี “การถูกคุกคาม และได้รับความเสียหายจากสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์และการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทางกฏหมาย”
โดยนายเสรี กล่าวว่า ขณะนี้มี ส.ว.หลายคนที่เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง และหลังจากมีการลงมติที่ชอบหรือไม่เห็นชอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว กับเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดในลักษณะของพฤติกรรมข่มขู่คุกคามจากคนบางกลุ่ม กับ ส.ว. ที่ได้ลงมติไม่ให้ความเห็นชอบนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ทำตามกระบวนการกฎหมาย แต่กลับมีคนบางกลุ่มแสดงความเกลียดชังต่อ ส.ว.เป็นจำนวนมาก และมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลคนในครอบครัวและเครือญาติ กิจการธุรกิจที่ทำอยู่
นายเสรีกล่าวต่อว่า ตัวเองและนายสมชายแสวงการรวมถึง ส.ว.หลายคนเห็นว่าพฤติกรรมแบบนี้ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เป็นการแสดงออกซึ่งความ
“ ก้าวร้าวให้ร้ายคนอื่น ทำให้บุคคลอื่นเกรงกลัว การบังคับใช้กฎหมายให้สังคมอ่อนแอ ไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมาย ใครจะพูดอะไรก็ได้ ด่าใครก็ได้ หากไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่เห็นต่างก็จะออกมาให้ร้ายคนอื่น จนตอนนี้ลูกเด็กเล็กแดงที่อยู่ในโรงเรียนก็ถูกข่มขืนคุกคาม ลูกหลานใครที่เห็นต่างจากบุคคลกลุ่มนี้ก็จะทำการกดดัน ไม่ให้อยู่ในกลุ่มของตนเองหรือทำกิจกรรมด้วย ตนจึงเห็นว่าคนกลุ่มนี้ซึ่งมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังให้เด็กไปกระทำผิด ดูหมิ่นสถาบันฯ ไม่มีใครกล้าออกมาปกป้องกล้าพูดถึง เพราะกลัวถูกด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง ไม่กล้าปกป้องแม้กระทั่งตัวเองและคนในครอบครัว จึงขอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต่อไปนี้ ส.ว.จะไม่ทนต่อพฤติกรรมที่เลวร้ายแบบนี้ทำลายชาติทำลายสังคมทำลายวิถีชีวิตที่ดีงามของคนไทย “
วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ส.ว.คือถูกด่าทอตลอดเวลา ตนจึงจะดำเนินคดีกับคนที่ให้ร้ายคนอื่นดูหมิ่นเหยียดหยามไม่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพของคนอื่น โดยได้เดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเรียบร้อยแล้ว 2 คดี คือทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และทนายอั๋น บุรีรัมย์ ซึ่งใครละเมิดทำร้ายคนอื่นด้วยถ้อยคำ คำพูดย่อมต้องรับผิดชอบ และต่อไปนี้จะมีการดำเนินคดีกับคนที่ให้ร้ายในโซเชียล ทั้งทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งจากนี้จะตรวจสอบให้หมด นายเสรี กล่าว
ด้านนายสมชาย แสวงการ กล่าวว่า ความพยายามในการใช้ทุกช่องทางสื่อสารมายัง ส.ว ถือเป็นการสื่อสารที่ผิด ในสภามีนักกฎหมายมีจำนวนมาก และเห็นตรงกันว่าไม่ควรปล่อยผ่าน ตอนนี้ครอบครัวของ ส.ว.ทั้ง 250 คน ถูกคุกคามทั้งหมด ส.ว.จึงได้แจ้งความดำเนินคดีทั้งหมด พร้อมทั้งประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่มาสอบสวนสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จนรู้ตัวเจ้าของแอคเคาท์ทั้งหมดแล้ว
โดยเฉพาะเพจที่เชิญชวนให้บุคคลอื่นทำการคุกคามส.ว. บางแอคเคาท์ข่มขู่จะข่มขืนลูกสาว ส.ว.บางคน ทั้งกาย วาจา ใจ ขณะที่บางแอคเคาท์พบว่าเป็นเอไอ ยิงข้อความทีเดียว 4 แสนครั้ง หลังจากการลงมติให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น ยืนยันจะดำเนินคดีทั้งหมด ให้ถึงที่สุด ไม่รับคำขอโทษ เพราะนี่ไม่ใช่วิถีทางในการแสดงออกถึงความเห็นต่างตามหลักประชาธิปไตย แต่เป็นการคุกคามบุคคลอื่น จึงขอเตือนให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้
ขณะที่นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร ระบุว่า ธุรกิจยาหมอเส็งได้รับผลกระทบอย่างมาก หลังจากการลงคะแนนเสียง โดยมีการส่งข้อความโจมตีในเพจกว่าพันข้อความ ว่าขอให้เลิกซื้อเลิกสนับสนุน ส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างมาก แม้ว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้อกับธุรกิจดังกล่าว เพราะเป็นธุรกิจของพ่อ
นายวิวรรธน์ กล่าวด้วยว่าจึงได้ปรึกษาตำรวจไซเบอร์และนักวิชาการ โดยจะดำเนินคดีอาญาและคดีแพ่ง ถ้าเข้าข่ายผิดกฏหมายคอมพิวเตอร์ก็จะดำเนินการแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ แต่ หากเป็นข้อความที่มีลักษณะคุมเครือแต่สร้างความเสียหายก็จะดำเนินการเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่ง
โดยย้ำว่าจะไม่โหวตให้นายพิธา ในวันที่ 19 ก.ค. 2566 อย่างแน่นอน พร้อมเล่าย้อนถึงประวัติของตระกูลด้วยว่าที่สามารถทำการค้าขายได้ในวันนี้เพราะพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัริย์ทุกกระองค์ ทุกครั้งที่รวมญาติมีการพูดเสมอว่าเราเป็นหนี้บุญคุณของแผ่นดิน ย้ำไม่กลัวทัวร์ลง ตนเองรักสถาบันถ้าจะทำลายก็ข้ามตนเองไปก่อน
ภาพ – วิชาญ โพธิ