นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยวันนี้ (28 มี.ค.) ถึงการเข้าพบพนักงานสอบสวนกรณีถูกกล่าวหาดำเนินคดีและสื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าว เป็นการชิงมอบตัว โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การไปมอบตัว เพราะในข้อเท็จจริงเป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่า ทั้งนายรังสิมันต์ โรม และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ กล่าวหาตนและเข้าไปให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน รวมถึงพยายามสร้างกระแสเพื่อเร่งรัดกระบวนการยุติธรรม จึงเป็นสิทธิโดยชอบของตนที่จะเดินทางไปชี้แจงข้อเท็จจริง และแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของตนเองและวงศ์ตระกูล
นายอุปกิต กล่าวว่า หลังการเข้าพบ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา สมคบกันฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และมีส่วนร่วมใน องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งไม่มีข้อหาค้ายาเสพติดแต่อย่างใด
“ผมเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ขอยืนยันว่า ไม่มีการหลบหนี จะสู้จนถึงที่สุด จนกว่าจะได้รับความยุติธรรมกลับมา” นายอุปกิต ระบุ
นายอุปกิต กล่าวว่า ในการเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนได้นำพยานหลักฐานที่เป็นเส้นทางการเงินเทียบเคียงกับคดี นาย ดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขยไปชี้แจงให้เห็นว่า ในช่วงปี 2563 ขณะสถานการณ์โควิด- 19 ระบาดหนัก มีการปิดด่านท่าขี้เหล็ก ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกตินั้น นอกจาก บริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ที่ต้องโอนเงินผ่านผู้รับบริการโอนเงินฝั่งเมียนมา เพื่อชำระค่าไฟฟ้าให้กับ กฟภ. แล้ว ยังมีบริษัทชั้นนำของไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในเมียนมาอีกหลายบริษัท ใช้บริการรับโอนเงินจากบัญชีผู้รับบริการโอนเงินเจ้าเดียวกันและผู้รับโอนเงินนั้นก็ใช้บัญชีเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าเป็นบัญชีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ในคดีจับกุมลูกเขยตนเช่นเดียวกัน แต่ทำไมไม่มีการกล่าวโทษด้วยอีก 2-3 บริษัท