คัดลอก URL แล้ว

GWM TANK 500 Hybrid SUV พรีเมียม SUV สายลุยน้องใหม่ รุ่นประกอบไทย สเปคไทย พบกันเร็ว ๆ นี้

Great Wall Motor รุกตลาดยนตรกรรมออฟโรดในตลาดไทยด้วย TANK แบรนด์เอสยูวีในเครืออย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับการต้อนรับรถพรีเมียมเอสยูวีรุ่นแรกส่งตรงจากโรงงานอัจฉริยะที่ระยอง ด้วย All New GWM TANK 500 Hybrid SUV รถยนต์พรีเมียมเอสยูวี 7 ที่นั่ง ที่ถูกพัฒนาให้เป็นรถออฟโรดระดับเรือธงที่สมมบูรณ์แบบทั้งความหรู ล้ำสมัย สะดวกสบาย ตอบโจทย์รถครอบครัวที่ชื่นชอบการผจญภัย และสมบูรณ์แบบ

ความหรูล้ำเหนือระดับที่ซ่อนอยู่ตัวถังที่แข็งแกร่ง น่าเกรงขาม

All New GWM TANK 500 Hybrid SUV เป็นรถเอสยูวีออฟโรดที่สร้างสรรค์มาด้วยปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ตาม DNA ของ TANK ที่มีความบึกบึน แกร่ง แต่ยังเปี่ยมไปด้วยความเรียบหรู สง่างาม ดีไซน์ด้านหน้าได้รับการออกแบบภายใต้ปรัชญาของ “ความหรูหราที่แข็งแกร่ง” ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง

ไฟหน้า Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่น ให้ความสว่างชัดเจน พร้อมมอบปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED

ดีไซน์ด้านหลัง ออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้า ที่ช่วยผ่อนแรงและอำนวยความสะดวกสบายในการปิดประตูท้าย ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ได้อย่างลงตัว

ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์โดดเด่นในแนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 และไฟตัดหมอกแบบ LED ตอบโจทย์ทั้งแฟชั่นและฟังก์ชัน ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัย

หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า มาพร้อมราวหลังคาเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน เสาอากาศแบบ shark fin และสปอยเลอร์ท้าย ซึ่งช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค, บันไดข้างระบบไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 มอบภาพลักษณ์หรูหราและการขับขี่ที่มั่นใจในทุกเส้นทาง

มิติตัวรถ ประกอบด้วยความกว้าง x ยาว x สูง: 1,934 x 5,078 x 1,905 มม. และระยะฐานล้อ 2,850 มม.

ภายในที่หรูหรา กว้างขวาง เติมเต็มความสุขแก่ครอบครัวทุกคน

All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ออกแบบภายในสไตล์ Luxury ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย และใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยคอนโซลหน้าสีทูโทน เบาะหนัง NAPPA ลำโพง Infinity และการตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light, วัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome ให้ความเพลิดเพลินในทุกช่วงเวลาการขับขี่

การเชื่อมต่อของหน้าจอทั้ง 3 ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและปลอดภัย อาทิ หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงรายละเอียดโหมดต่าง ๆ, หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, Bluetooth, ระบบนำทาง, และแสดงข้อมูลการขับขี่ต่าง ๆ และหน้าจอแสดง Head up Display บนกระจกด้านหน้า

ระบบความบันเทิงพร้อมลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง, ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ

พวงมาลัยไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) เพิ่มความสะดวกสบายและคล่องตัวในการขับขี่ พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและสวิตช์ควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่

ไฟ Ambient Light พร้อมฟังก์ชันปรับเลือกได้หลายสี และเป็นจังหวะ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลินในทุกการขับขี่และการผจญภัย, นาฬิกาแบบคลาสสิก เพิ่มความหรูหราให้กับห้องโดยสารได้อย่างลงตัว

เบาะนั่งไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า ระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง NAPPA เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ โดยเบาะคู่หน้าจะมีทั้งเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ กับเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ

เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ อีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย

พื้นที่ห้องโดยสารอเนกประสงค์ มากประโยชน์ใช้สอยด้วยห้องโดยสารและที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบ ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ

ด้านบริเวณแผงควบคุมที่คอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชันควบคุมการขับขี่แบบออฟโรด ช่วยให้การปรับเปลี่ยนการขับขี่ในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องง่าย, เกียร์แบบ Electronic Shifter ชุดเกียร์ไฟฟ้า ดีไซน์หรู สีเดียวกับแผงคอนโซล, ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ, ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เพิ่มความสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหากุญแจ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ช่วยให้การชาร์จ Smart Phone สะดวกและรวดเร็ว

แพลตฟอร์ม TANK อันแข็งแกร่ง พร้อมระบบขับเคลื่อนไฮบริดอันทรงพลัง

แพลตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะที่ทรงประสิทธิภาพทั้งด้านพละกำลัง วางใจได้ และชาญฉลาด พร้อมรองรับระบบส่งกำลังได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ ICE, HEV และ PHEV รวมถึงรองรับได้ทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรและ 3.0 ลิตร กับระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะที่เชื่อถือได้, การออกแบบโดยรวมของโมดูลาร์ ให้ความยืดหยุ่นสูง รองรับระบบกันสะเทือนที่หลากหลาย และความสามารถในการขยายขนาดเพื่อผลิตรถในขนาดที่แตกต่างกัน โดดยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการขับขี่ที่ในเมืองนุ่มนวล และการลุยสมบุกสมบันบนทางออฟโรดที่น่าประทับใจ

นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม และระบบกันสะเทือนหลังแบบอิสระมัลติลิงค์ ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้การขับขี่ที่ยึดเกาะถนนได้ดี และมอบความนุ่มนวลในห้องโดยสารตลอดการเดินทาง

โดยสเปคไทย ประเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร รองรับน้ำมันเบนซิน E20

ระบบเกียร์แบบ DHT ที่พัฒนาขึ้นขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด และพร้อมลุยเส้นทางที่หลากหลายผ่านโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ

ระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด

All New GWM TANK 500 Hybrid SUV มีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย เพื่อให้ทุกการผจญภัยสนุกสนาน และน่าจดจำ อาทิ

ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเมื่อเผชิญกับทางลาดชันโคลน ทะเลทราย และภูมิประเทศที่ซับซ้อนอื่น ๆ ด้วยกลไกการถ่ายโอนกำลัง ทำงานร่วมกันกับกลไกล็อกของกล่องถ่ายโอนทั้งล้อหน้าและล้อหลัง สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ออฟโรดที่ดีเยี่ยม

ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไประบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว
เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้

และเทคโนโลยีออฟโรดอื่น ๆ อีกมากมาย


All New GWM TANK 500 Hybrid SUV มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO โดยประกาศสเปคเต็ม ๆ และราคาทั้งสองรุ่นอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ แฟน ๆ รถออโฟรด สามารถชมคันจริงได้อย่างใกล้ชิด และเปิดจองครั้งแรกพร้อมกันในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 44 ในวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ที่อิมแพคชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง