ความไม่แน่นอนในภาคธนาคารที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ หลังการล้มละลายของธนาคาร “ซิลิคอน วัลเลย์” นอกจากส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกแล้ว ยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลกลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบมากกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564
โดยในวันนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงมากถึง 3.79 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.9% มาอยู่ที่ราคา 73.69 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสหรัฐฯ ลดลง 3.72 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5.2% มาอยู่ที่ 67.71 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
นอกจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแล้ว ตัวเลขค้าปลีกในสหรัฐฯ ก็หดตัวลงด้วยเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ พบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขค้าปลีกลดลง 0.4% อยู่ที่ระดับ 6.98 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำกว่ายอดในเดือนมกราคมที่ 7.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายตามห้างสรรพสินค้าลดลงถึง 4%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่ชี้ว่า ราคาผู้ผลิตในสหรัฐที่ลดลง 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากต้นทุนที่มาจากก๊าซ น้ำมันดีเซล และไข่ลดลง โดยนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ราคาผู้ผลิตได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น
สถานการณ์เช่นนี้ แสดงถึงความอ่อนแอในภาคการผลิต ซึ่งมาจากผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่อเศรษฐกิจ และธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งอาจทำให้มีการผ่อนปรนมาตรการในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นสัปดาห์หน้า ที่กำลังถูกจับตาอย่างหนักเกี่ยวกับการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสำคัญ