KEY :
- ‘รังสิมันต์ โรม’ บุก “บช.ปส.” อ้าง พล.ต.อ. นอกราชการ พยายามกดดันตัดชื่อ “ ส.ว.ทรงเอ “ ออกจากสำนวนคดี “ ทุนมินลัด “
- เรียกร้องผบ.ตร. อสส. ศาลดำเนินคดีโปร่งใส ก่อนสร้างบาดแผลลึกขบวนการยุติธรรม
- พร้อมระบุ คดีทุนมินลัด สว.ทรงเอ ประกอบด้วย ขบวนการค้ายา ฟอกเงินข้ามชายแดนไทยเมียนมาร์ และข้อมูลการทำธุรกิจชายแดนที่ทำผ่าน ส.ว.
…
วันนี้ (13 มีนาคม 2566) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปสส.) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลพร้อมด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นำป้ายข้อมูลมาแสดงพร้อมแถลงต่อสื่อมวลชน กรณีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี ของ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ทรงเอ เนื่องจากสำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 ดำเนินคดีของ ทุนมินลัด ที่ปรากฎข้อมูลชื่อสว.รายดังกล่าวเข้าไปพัวพันจนนำไปสู่การออกหมายจับ 2 ข้อหาคือ สมคบยาเสพติดฯ และฟอกเงินคดีนอกราชอาณาจักร และพบว่ามีการถอนหมายจับเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2565
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตั้งใจจะมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อยื่นหนังสือ หรือมาร้องเรียนการทำงานของตำรวจแต่ต้องการชี้แจงเพื่อต้องการคำตอบว่าเหตุใดการทำคดีของสว.รายนี้มีความล่าช้า เนื่องจากมีการถอนหมายจับไปเป็นเวลากว่า 162 วันแล้ว ตนเข้าใจว่าช่วงประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถออกหมายเรียกได้ แต่หลังประชุมเสร็จกลับไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น แม้แต่หมายเรียกที่เป็นขั้นพื้นฐานของตำรวจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ
ส่วนตัวมองว่ากระบวนการของคดีนี้อาจมีการแทรกแซงหรือช่วยเหลือจาก พล.ต.อ. นอกราชการ ระดับสูง ที่เข้ามาพยายามช่วยเหลือพร้อมให้คำแนะนำเรื่องรูปคดีเนื่องจากโทษของพฤติการณ์ดังกล่าวสูงถึงขั้นประหารชีวิต เพราะผู้ถูกกล่าวหามีตำแหน่งหน้าที่สมาชิกวุฒิสภามีโทษสูงกว่าประชาชน 2-3 เท่า
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก่อนมาที่นี่ตนได้ไปยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีหนังสือตอบกลับมาให้กับตนเป็นลายเซ็นของผบ.ตร.แล้ว
ในกรณีที่ตำรวจชุดจับกุมคดี ทุนมินลัด ถูกโยกย้ายจนทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า เพราะต้องเสียตำรวจน้ำดีไปปฏิบัติราชการพื้นที่อื่น การโยกย้ายข้าราชการเหล่านี้ทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมีส่วนรับผิดชอบโดยตรงเพราะมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด อีกทั้งมีข้อมูลว่า สว. คนดังกล่าวที่ปรากฎในคดีเดียวกันนี้เชื่อมโยงกับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะที่ทำการพรรคปัจจุบัน มีการเช่าพื้นที่ของสว.เปิดเป็นสำนักงาน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่าการทำหน้าที่ของตำรวจมีความบกพร่องในคดีทุนมินลัดซึ่งเป็นสำนวนคดีแรกที่ตำรวจปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง แล้ว แต่สงสัยว่าทำไมถึงมีการถอนหมายจับชั้นตุลาการ ในส่วนนี้อาจมีการแทรกแซงของพนักงานสอบสวนหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนเคยยื่นต่อ สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมแล้ว
ส่วนสำนวนคดีที่ 2 ขณะนี้ที่อยู่กับ บช.ปส. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบออกหมายเรียกหรือหมายจับ พบว่าติดขัด ทั้งที่หลักฐานอยู่ในสำนวนคดีแรกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เรื่องเส้นทางการเงินจากบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด มีความเชื่อมโยงไปยัง สว. รายนี้ แต่กลับมีการอ้างว่าต้องแปลภาษาต่างประเทศจากบทสนทนาระหว่างผู้ต้องหา กับผู้ถูกกล่าวหา จำนวนมาก คดีจึงไม่มีความคืบหน้า
นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า ติดใจกับการดำเนินการของ บช.ปส.อย่างเลี่ยงไม่ได้ และสัปดาห์หน้า ตนจะเดินทางไปยื่นเรื่องที่ คณะกรรมการป้องกันและปปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตุลาการทั้ง3 ท่าน เรื่องมีการถอนหมายจับทันทีหลังช่วงเช้าออกหมายจับ ด้วยเหตุผลอ้างว่าเป็นบุคคลสำคัญ ซึ่งตามกฎหมายไม่มี
จากนั้นนายรังสิมันต์ได้เปิดป้ายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีทุนมินลัด สว.ทรงเอ ประกอบด้วย ขบวนการค้ายา ฟอกเงินข้ามชายแดนไทยเมียนมาร์ และข้อมูลการทำธุรกิจชายแดนที่ทำผ่าน ส.ว.
นอกจากนี้นายรังสิมันต์นำป้ายหาเสียง 2 แผ่นมาแสดง พร้อมกล่าวว่า วันนี้ที่ตนนำมามี 2 ป้าย ระบุข้อความว่า นักการเมืองขายยาจะหมดไปได้ด้วยก้าวไกลเป็นรัฐบาล ทั้งนี้ตนไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเสียงแต่ที่นำมาสองป้ายนี้ก็เพื่อจะมาติดที่หน่วยงานและหวังว่าเนื้อหาดังกล่าวจะสามารถใช้ป้ายนี้เป็นป้ายเตือนใจว่าจะทำคดีเรื่องนี้ให้อย่างดีที่สุด
“ตนเองขณะนี้ที่อายุ 30 ปีรู้สึกกลัวที่จะถูกฟ้องกลับหลังออกมาเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ แต่ในวันนี้ตนในฐานะผู้แทนประชาชนอยู่ในหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบเอาเรื่องพวกนี้มาแฉ เพราะถ้าไม่นำมาเปิดเผยสังคมจะไม่รับรู้ ตนขอพูดกับตำรวจทุกท่านถ้าปิดบังช่วยกันล้มคดีพวกท่านก็ไม่ต่างอะไรกับคนชั่ว คนที่ค้ายา และที่ตนออกมาเปิดเผยตอนนี้เพราะข้อมูลทั้งหมดพร้อมตอนนี้หากมองว่าเป็นการ ดิสเครดิต ก็ขอให้ออกมาตอบโต้ให้ข้อมูลว่าของตนส่วนไหนไม่ถูกต้องบ้างถ้ามีสัญญาเช่าอาคาร สำนักงานก็ให้แสดง เปิดเผยให้สังคมรับรู้”
รังสิมันต์ กล่าว
ภาพ – วิชาญ โพธิ