KEY :
- สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีใต้เผยแพร่แถลงการณ์ตอบโต้ กรณีมติที่ประชุมฉุกเฉิน UNSC ประณามการยีงขีปนาวุธทดสอบของเกาหลีเหนือ ว่าเป็นการทำให้คาบสมุทรเกาหลีและโลกอยู่ในความเสี่ยง
- อ้าง เป็นสิทธิของเกาหลีเหนือที่จะปกป้องตนเอง และการที่สหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรมีการเคลื่อนย้ายอาวุธ ฝึกซ้อมรบร่วมกันโดยมีท่าทีเป็นภัยคุกคามต่อเกาหลีเหนือ เป็นการสร้างความตึงเครียดในภูมิภาค
- ติง UNSC ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือสร้างความยุติธรรมของสหรัฐฯ
- เตือน หากยังไม่หยุดยั่วยุ เกาหลีเหนือจะถือว่า เป็นการประกาศสงคราม และสหรัฐฯ ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
…
วันนี้ ( 24 ก.พ. 2566) สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือได้รายงานอ้างถึงแถลงการณ์ของกรมกิจการสหรัฐฯ, กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ แสดงความไม่พอใจต่อการซ้อมรบและท่าทีที่เกิดขึ้นของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ โดยได้อ้างถึง การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ได้จัดการประชุมฉุกเฉินและมีมติประณามการกระทำของเกาหลีเหนือในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปฮวาซอง-15 โดยในการประชุมดังกล่าว มีมติประณามอย่างรุนแรงต่อเกาหลีเหนือ ที่ได้ยิงขีปนาวุธจำนวน 3 ลูก และทำให้ภูมิภาคเอเซีย และโลกตกอยู่ในความเสี่ยงของความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี
โดยในแถลงการณ์ของเกาหลีเหนือระบุว่า เกาหลีไม่พอใจต่อมติที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ขอประท้วงอย่างรุนแรงและประณามต่อการกระทำของสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร ซึ่งหากทาง UNSC มีความต้องการอย่างแท้จริงในการส่งเสริมสันติภาพ และความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี ก็ควรจะต้องดำเนินการประณามต่อสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่มีการกระทำที่เพิ่มความตึงเครียดทางทหาร เช่น การดำเนินการติดตั้งอาวุธทางยุทธศาสตร์ การฝึกซ้อมรบร่วมกันขนาดใหญ่ โดยมีจุดมุ่งหมายที่โจมตีต่อเกาหลีเหนือ
รวมถึงแผนการเยี่ยมเยือนฐานทัพเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ โดยอ้างว่าเป็นมาตรการดำเนินการในการป้องปรามภัยคุกคามด้านสงครามนิวเคลียร์ เพื่อต้องการต่อสู้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นท่าทีที่ชัดเจนที่ต้องการจะเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือ
…
เกาหลีเหนือระบุ UNSC เป็นเพียงเครื่องมือของสหรัฐฯ
เกาหลีเหนือยังได้ตอบโต้ไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วยว่า หน้าที่ของการรับรองสันติภาพและความมั่นคงของ UNSC กลับถูกบิดไปมาด้วยปลายนิ้วของสหรัฐฯ และพันธมิตร และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ จะนำมาซึ่งความตึงเครียดทางการทหารมากยิ่งขึ้น และการมีมติประณามการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาตินั้น เป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่า UNSC ได้ลดตัวลงมากลายเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ การที่ตัวแทนของสหรัฐฯ ในสหประชาติในการเดินหน้าที่จะประณามการฝึกซ้อม-ทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือที่เกิดขึ้น ถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิในการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนืออย่างชัดเจน
…
ประกาศกร้าว พร้อมประกาศสงคราม
ในแถลงการณ์ยังระบุว่า สหรัฐฯ ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีอย่างต่อเนื่อง และการที่สหรัฐฯ ไม่ยอมรับสิทธิของเกาหลีเหนือในการป้องกันตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว พร้อมกับพยายามกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรมากยิ่งขึ้น แสดงถึงการเมินเฉย และการท้าทายต่อเกาหลีเหนืออย่างไม่อาจยอมรับได้
เกาหลีเหนือยังได้ย้ำถึง “สิทธิในการป้องกันตนเอง” และ “อำนาจอธิปไตย” ของเกาหลีเหนือ ซึ่งสหรัฐฯ กำลังต้องการลิดรอนสิ่งเหล่านี้ของเกาหลีเหนือ ผ่านทาง UNSC ซึ่งวิธีเดียวที่จะลดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีลงได้ นั่นคือการที่สหรัฐฯ ลดทอนบทบาท และความมุ่งร้ายต่อเกาหลีเหนือ เช่น การยกเลิกการติดตั้งอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ต่าง ๆ รวมถึงการยกเลิกการฝึกซ้อมร่วมกันกับเกาหลีใต้
“สหรัฐฯ ควรระลึกไว้เสมอว่า หากสหรัฐฯ ยังคงทำตัวเป็นปฏิปักษ์ และยั่วยุต่อเกาหลีเหนือ แม้จะถูกประท้วงและเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือได้ว่า เป็นการประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือ”
ซึ่งสหรัฐฯ ควรจะรับรู้และจะต้องยอมรับถึงผลที่จะตามมาในอนาคต และเกาหลีเหนือขอยืนยัน จุดยืนต่อสิทธิในการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ และหากทาง UNSC มีการนำประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดถึงในที่ประชุมอีกครั้ง
รายงานผลทดสอบขีปนาวุธทดสอบอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันในเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กองทัพเกาหลีเหนือยังมีการรายงานผลการยิงทดสอบขีปนาวุธแบบร่อน (Strategic Cruise Missile) ฮวาซอล-2 จำนวน 2 ลูก เมื่อเช่วงสายวานนี้ว่า
ขีปนาวุธร่อนทั้งสองที่ถูกยิงออกมานั้น สามารถเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เป็นระยะทาง 2,000 ก.ม. โดยได้ร่อนเป็นวงรีรูปไข่ และ เป็นตัวเลข 8 ใช้เวลา 10,208 วินาที และ 10,224 วินาที เข้าสู่เป้าหมาย
ซึ่งผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ มีความน่าเชื่อถือของระบบ และสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธของเกาหลีเหนือ