KEY :
- CDC สหรัฐฯ รายงาน โควิด-19สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีคิว.1 (BQ.1) และบีคิว.1.1 (BQ.1.1) ครองสัดส่วนรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ล่าสุด
- ยังเฝ้าระวังต่อเนื่องในช่วงสิ้นปี ที่อาจจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น
…
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ประมาณการว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีคิว.1 (BQ.1) และบีคิว.1.1 (BQ.1.1) ครองสัดส่วนรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ล่าสุด
ศูนย์ฯ ระบุว่าเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ย่อยบีคิว.1.1 ครองสัดส่วนราวร้อยละ 29.4 ของสายพันธุ์ที่กำลังระบาดช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 พ.ย. ขณะสายพันธุ์ย่อยบีคิว.1 คิดเป็นร้อยละ 27.9 โดยเชื้อไวรัสฯ ทั้งสองเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) และขึ้นแท่นเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ แทนสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 ซึ่งครองสัดส่วนเพียงร้อยละ 19.4 ของผู้ป่วยรายใหม่ในช่วงสัปดาห์ล่าสุด
ขณะเดียวกันศูนย์ฯ กำลังเฝ้าระวังการระบาดของสายพันธุ์ที่น่ากังวลตัวใหม่อย่างสายพันธุ์เอ็กซ์บีบี (XBB) ซึ่งระบาดเพิ่มขึ้นจนครองสัดส่วนราวร้อยละ 3.1 ของผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ สายพันธุ์เอ็กซ์บีบีกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศแถบเอเชียใต้ และครองสัดส่วนเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยทั่วโลกและในหมู่นักเดินทางระหว่างประเทศ
ยอดผู้ป่วยสะสมเกือบ 100 ล้าน
สำหรับในสหรัฐฯ ในขณะนี้ ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมกว่า 98 ล้านรายแล้ว ซึ่งแนวโน้มในขณะนี้ยังคงอยู่ในระดับราว 4 หมื่นรายต่อวัน แม้จะมีขยับเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศที่เริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่นไข้หวัดใหญ่
โดยหลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า จากสถานการณ์ในช่วงหลังวันขอบคุณพระเจ้า จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งยอดผู้ป่วยรายใหม่ และผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เพิ่มเติมเนื่องจากเพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นาน และการรายงานอาจจะยังไม่ครอบคลุม รวมถึงในช่วงเดือนธันวาคมที่จะมีวันหยุด และมีกิจกรรมการรวมกลุ่ม รวมตัวกันมากขึ้น ทำให้คาดว่า น่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เช่น ไข้หวัดใหญ่, RSV
ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 นั้นยังคงอยู่ที่ระดับวันละกว่า 300 ราย แนวโน้มทรงตัวเช่นกัน
