KEY :
- ทางการเกาหลีเหนือรายงานระบุ การทดสอบขีปนาวุธฮวาซอง-17 ประสบความสำเร็จ แสดงถึงความน่าเชื่อถือ และเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก
- นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า หากศัตรูของเกาหลีเหนือส่งสัญญาณที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทันที และพร้อมเผชิญหน้า
- นอกจากนี้ ในรายงานการทดสอบขีปนาวุธในครั้งนี้ ยังปรากฎภาพลูกสาวของนายคิม จอง อึน เป็นครั้งแรกอีกด้วย
…
หลังจากที่เมื่อวานที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มีการยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวิป (ICBM) ฮวาซอง-17 โดยสำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือได้รายงานผลการทดสอบระบุว่า
ขีปนาวุธฮวาซอง-17 ได้ถูกยิงขึ้นจากบริเวณสนามบินนานาชาติเปียงยาง เป็นระยะทาง 999.2 กิโลเมตร นาน 4,135 วินาที ที่ระดับความสูงสูงสุด 6,040.9 กม. และตกลงในทะเลสากลทางตะวันออกของเกาหลีเหนือ
ซึ่งผลการทดสอบดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความน่าเชื่อถือและความแม่นจำของอาวุธเชิงยุทธศาสตร์หลักชิ้นใหม่ของกองทัพเกาหลีเหนือ และถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพและแข็งแกร่งที่สุดในโลก
โดยการยิงขีปนาวุธในครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุดของเกาหลีเหนือ ต่อความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทางทหารของสหรัฐฯ และกองกำลังศัตรูอื่น ๆ ที่กำลังทำให้ความมั่นคงในภูมิภาคนี้ก้าวข้าม “เส้นแดง” เกินกว่าที่กำหนดไว้ จากการซ้อมรบขนาดใหญ่ร่วมกันของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
คิม จองอึน ร่วมสังเกตุการณ์ด้วยตนเอง
ทาง KCNA ยังได้กล่าวถึงนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือว่า ได้เดินทางไปสังเกตุการณ์ทดสอบในครั้งนี้ด้วยตนเอง และได้กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“หากศัตรูยังคงเป็นภัยคุกคามต่อเกาหลีเหนือ และยังคงส่งสัญญาณการเริ่มต้นการใช้อาวุธนิวเคลียร์, เกาหลีเหนือก็พร้อมที่จะตอบโต้อาวุธนิวเคลียร์เหล่านั้นด้วยอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน และพร้อมการเผชิญหน้าด้วยกำลังทั้งหมด”
นอกจากนี้ นายคิม จองอึน ยังได้ระบุว่า มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ตระหนักว่า การตอบโต้ทางทหารกับเกาหลีเหนือนั้นเป็นหนทางไปสู่การทำลายตนเอง และต้องกลับไปพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคนี้
ภาพลูกสาวครั้งแรกในภารกิจทางทหาร
นอกจากข่าวการทดสอบขีปนาวุธฮวาซอง-17 แล้ว ในภาพรายงานของ KCNA ยังปรากฎภาพลูกสาวของนายคิม จองอึน รวมถึงภริยา ในภารกิจทางทหารร่วมกันเป็นครั้งแรก
โดยเฉพาะภาพของลูกสาว นายคิม จองอึนผู้นำเกาหลีเหนือที่ไม่เคยมีภาพปรากฎต่อสาธารณะมาก่อน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า น่าจะเป็น “คิม จู-เอ” เป็นลูกสาววัย 10 ขวบของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเพียงรายงานถึงน้อยมาก ๆ และในครั้งนี้ถือว่า “เป็นการปรากฎตัวต่อสาธารณะ” เป็นครั้งแรก และเกิดขึ้นในภารกิจทางทหาร
ส่วนทางด้านของ นางรี ซอล จู ภริยาของคิม จอง อึน นับเป็นครั้งที่สองที่มีการปรากฎตัวในภารกิจทางด้านการทหาร โดยก่อนหน้านี้จะมีภาพของนายคิม จองอึน และ นางรี ซอล จู ภริยา ปรากฎตัวคู่กันในงานอื่น ๆ ทั่วไปเป็นหลัก และครั้งนี้ จึงนับเป็นครั้งแรกที่มีการปรากฎภาพ ทั้ง 3 คนร่วมกัน
UN เตรียมเรียกประชุมฉุกเฉิน
หลังจากที่มีรายงานการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ฮวาซอง-17 ของเกาหลีเหนือในครั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะจัดการประชุมฉุกเฉินในวันที่ 21 พ.ย. นี้ เพื่อหารือในเรื่องการตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จากท่าทีของเกาหลีเหนือ
นอกจากนี้ คณะผู้แทนถาวรของสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติยังได้ออกประณามอย่างรุนแรงต่อการยิงขีปนาวุธของเกเหลีเหนือในครั้งนี้ด้วย
ซึ่งเมื่อวานนี้ในการประชุม APEC 2022 ที่กรุงเทพฯ ได้มีการประชุมฉุกเฉินของผู้นําถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย โดยทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพของภูมิภาคและประชาคมโลก
โดยเมื่อวานนี้ ( 18 พ.ย. ) หลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธในช่วงสาย ทางการเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้ทำการฝึกซ้อมทางอากาศร่วมกัน โดนมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
มีการส่งเครื่องบินขับไล่ F-35A ฝึกโจมตีเป้าหมายที่เป็นยานพาหนะปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ (เป้าหมายสมมุติ) ด้วยระเบิดโจมตีภาคพื้นนำวิถี GBU-12 ซึ่งนำวิถีด้วยเลเซอร์ รวมถึงการขึ้นบินซ้อมโจมตีเหนือทะเลตะวันออก
โดยทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นการแสดงท่าทีในการตอบสนองต่อภัยคุกคาม และการยั่วยุที่เกิดขึ้นของเกาหลีเหนือ พร้อมแสดงความพร้อมในการโจมตีเป้าหมายด้วย
ที่มา – KCNA