ปัญหายาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า ยังคงระบาดหนักมากในสังคมไทย รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน โดยล่าสุดสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) รายงานว่าในปี 2564 ยาบ้าที่ยึดได้ในเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มากกว่า 1 พันล้านเม็ด สูงสุดเป็นเป็นประวัติการณ์ มากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถึง 7 เท่า
…
ไทย-ลาว ยาบ้าระบาดหนัก ระบบไฮดรอลิค ผลิตได้ชั่วโมงละ 288,000 เม็ด!
โดยสถานการณ์ในกลุ่มอาเซียน พบว่า ยาบ้าที่ยึดครองได้ระหว่างปี 2563 – 2564 เพิ่มขึ้นมาก โดยประเทศไทยเพิ่มขึ้น 29.4% ส่วนประเทศลาวเพิ่มขึ้นสูงสุด 119.1% และได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายที่สำคัญ สำหรับการค้ายาเสพติดในประเทศไทย และตลอดน้ำโขง ที่สำคัญราคายาบ้าและยาไอซ์ในอาเซียน ทั้งค้าส่งและขายปลีกได้ลดลงถึงระดับต่ำสุด ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ขณะที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ‘นายวิชัย ไชยมงคล’ เลขาธิการ ป.ป.ส. ตอบประเด็นสังคมถึงสถานการณ์ยาเสพติดของไทย หาง่ายจริงหรือ เหตุใดยาบ้าราคาถูก? เผยว่า ประเด็นยาเสพติดราคาถูกลง โดยเฉพาะ “ยาบ้า” มีสาเหตุหลักคือเทคโนโลยีการผลิต เทคโนโลยีการขนส่ง และสารที่ใช้ในการผลิต “ในอดีต เครื่องผลิตยาบ้าผลิตได้ 2,700 เม็ด/ชั่วโมง แต่ปัจจุบันพัฒนาขึ้นจนเป็นระบบไฮดรอลิค ผลิตได้ 288,000 เม็ด/ชั่วโมง “เพิ่มขึ้น 100 เท่า”
เผยสารตั้งต้นหาง่ายแอบส่งขายชนกลุ่มน้อย แถมค่าส่งถูกมากพัสดุแค่ 80 บาท
นายวิชัย กล่าวว่า ทุกวันนี้สารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตหาง่ายและมีจำนวนมาก ปัจจุบันมีสารตั้งต้นผลิตจำนวนมาก เช่น โซเดียมไซยาไนด์ เป็นวัตถุอันตรายที่ขออนุญาตนำเข้า-ส่งออกได้ ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และเป็นส่วนประกอบในยาฆ่าแมลง ประเทศไทยมีการนำเข้าประมาณ 1 พันตันเศษ แล้วส่งไปประเทศเพื่อนที่มีชนกลุ่มน้อยผลิตยาเสพติด 810 ตัน ราคากิโลกรัมละไม่ถึง 100 บาท นำมาผลิตยาบ้าได้ประมาณ 22,000 เม็ด และผลิตไอซ์ได้ถึงครึ่งกิโลกรัม
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า รูปแบบการขนส่ง ในอดีตหลังจากตกลงซื้อขาย ต้องรอ 7 วันถึงได้รับยาเสพติด แต่ปัจจุบันตกลงซื้อขายกันได้เลย เมื่อก่อนราคารับจ้างขนยาบ้า 1 เม็ด 3 บาท โดย 1 กิโลกรัม มี 10,000 เม็ด ต้องใช้เงินค่าจ้างขนถึง 30,000 บาท แต่ปัจจุบันสามารถใช้ส่งทางพัสดุภัณฑ์ ซึ่งราคาถูกสะดวกแค่กิโลกรัมละ 80 บาท โดยซื้อขายทางโซเชียล ไม่จำเป็นต้องเป็นขาใหญ่มีอิทธิพลเช่นในอดีต เลยทำให้คนขายเยอะขึ้น
ยิ่งยาเสพยิ่งเสียสุขภาพจิต – นายกฯ สั่งรื้อเกณฑ์อภัยโทษคดียาเสพติด
‘นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร’ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การก่อความรุนแรงจากผู้ใช้ยาและสารเสพติด ยังมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง มีทั้งบาดเจ็บและถึงขั้นเสียชีวิต เพราะเมื่อใช้ยาเสพติดบ่อยๆ จะทำให้สมองส่วนคิดถูกทำลาย การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไป ทำอะไรตามใจตามอารมณ์ แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด เกิดอาการทางจิตประสาท ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เป็นสาแหตุของการก่อความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีข้อสั่งการให้กำหนดให้ยาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” พร้อมตั้งบอร์ดปราบยาเสพติดเพื่อขับเคลื่อนอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันยังได้รื้อเกณฑ์ขอรับพระราชทานอภัยโทษคดียาเสพติดด้วย อีกทั้งให้มีมาตรการลงโทษข้าราชการ พนักงานรัฐลูกจ้างรัฐและวิสาหกิจ ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด