KEY :
- ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยยอดหนี้สาธารณะของประเทศล่าสุด อยู่ที่ 31.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำสถิติสูงที่สุดอีกครั้งนับ สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
- กำลังใกล้ชนเพดานหนี้ ที่ขยายไว้เมื่อเดือน ธ.ค. 64 คือ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว
- คาดสิ้นปีนี้ หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 135% ของจีดีพี หรือราว 5 เท่าของรายได้รัฐบาล
…
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ หนี้สาธารณะของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่สูงถึง 31.1 ล้านล้านเหรียญฯ แตะระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยในช่วงตั้งปี 2020 – 2022 นี้ หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จากการใช้เงินมากกว่าที่สามารถหาได้อย่างมากในช่วงหลัง สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินอุดหนุนต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโรค และการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
ตลอดระยะเวลาที่สหรัฐฯ เผชิญการระบาดของโควิด-19 ในช่วงงที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้อนุมัติจัดสรรเงินในวิกฤติการระบาดของโควิด-19 และมีการใช้จ่ายไปแล้วราว 3.4 ล้านล้านเหรียญฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทะลุ 120% และทำลายสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อปี 1946
ประเด็นย่อยที่น่าสนใจ
- ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อยู่ที่ 31,123,887,781,401 เหรียญฯ
- ชาวอเมริกันจึงเป็นหนี้โดยอ้อมจากหนี้สาธารณะต่อหัว เป็นเงิน 93,419 เหรียญฯ หรือคิดเป็น 3.5 ล้านบาท
- เฉลี่ยราว 239,542 เหรียญ ต่อครอบครัว
- หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ในขณะนี้ สูงกว่า 6.5 เท่าของรายได้ของรัฐบาลต่อปี
ในขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก สถานการณ์ในยูเครนก็ทำให้ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED ออกมาปรับอัตราดอกเบี้ย เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นไปอีก ซึ่งการกู้ยืมเงินของสหรัฐฯ เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งยังคงเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
โดยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ กำลังจะแตะระดับเพดานที่กฎหมายกำหนดไว้ คือราว 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และตัวเลขหนี้สาธารณะนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่อ่อนแออยู่ในขณะนี้เพิ่มขึ้นอีกด้วย แม้ว่า ระธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามลดการขาดดุล และมีผลักดันให้มีการลงนามใน พ.ร.บ. ลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี แต่มูลหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้นก็ยังคงน่ากังวล
นอกจากนี้ นโยบายการยกเลิกหนี้หนี้เพื่อการศึกษาในแก่ผู้ที่กู้เงินจำนวนหลายสิบล้านคน มูลค่าหลายพันล้านเหรียญฯ ก็ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลายฝ่ายต่อนโยบายดังกล่าว
นักวิเคราะห์กังวล กระทบเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกัน หนี้ค้างชำระของสหรัฐฯ ก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยอยู่ที่เกือบ 8 ล้านล้านเหรียญฯ โดยเฉพาะในในปี 2022 นี้ ยอดหนี้ค้างชำระพุ่งสูงขึ้นถึง 1 ล้านล้านเหรียญฯ ในระยะเวลาเพียง 8 เดือนเท่านั้น และตั้งแต่ในปี 2016 หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ก็มีเพิ่มสูงขึ้นแซงหน้า GDP อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 125% ของ GDP และในปี 2022 นี้ คาดว่า จะอยู่ที่ระดับ 135% ของ GDP ท่ามกลางดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น
ในขณะนี้เดียวกัน การปรับเพิ่มเพดานหนี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของสหรัฐฯ ที่ไม่ต่างจากการราดน้ำมันเข้ากองไฟที่กำลังแรงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยภายนอกประเทศ ไม่ว่า จะเป็นราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ปัญหาพลังงานระหว่างสหรัฐฯ ยุโรป และรัสเซีย การสู้รบที่เกิดขึ้นในยูเครน ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
คณะกรรมการฝ่ายบริหารงบประมาณแผ่นดินสหรัฐ หรือ CRFB เคยคาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงระหว่างปี 2564 – 2574 การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 4.8 ล้านล้านเหรียญฯ และการกู้เงินที่มากเกินไปจะส่งผลให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้หนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้น โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มถึง 3 เท่าตัวในช่วงเวลาไม่ถึง 10 ปีข้างหน้านี้
10 ประเทศแรกที่เป็นเจ้าหนี้ของสหรัฐฯ
จากข้อมูลในปีงบประมาณ 2021 สหรัฐฯ สัดส่วนหนี้ในประเทศอยู่ที่ราว 42% ในขณะที่หนี้ต่างประเทศอยู่ที่ราว 34% และที่เหลือเป็นหนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ อีก 24% สำหรับ 10 อันดับแรกที่เป็นเจ้าหนี้ของสหรัฐฯ คือ
ประเทศ | มูลค่า (พันล้านเหรียญฯ) | เปอร์เซ็นต์ |
---|---|---|
ญี่ปุ่น | 1,300 | 17% |
จีน | 1,048 | 14% |
สหราชอาณาจักร | 566 | 7% |
ลักเซมเบิร์ก | 312 | 4% |
ไอร์แลนด์ | 310 | 4% |
สวิตเซอร์แลนด์ | 294 | 4% |
หมู่เกาะเคย์แมน | 267 | 4% |
ไต้หวัน | 239 | 3% |
เบลเยียม | 221 | 3% |
บราซิล | 249 | 3% |
ประเทศอื่น ๆ | 2,765 | 37% |
ดอกเบี้ย อาจจะแพงกว่า “งบกลาโหม”
ซึ่งแนวทางการแก้ไขนั้นมีทางเลือกอยู่ไม่มากนัก คือ การลดค่าใช้จ่าย การขึ้นภาษี และการเพิ่ม GDP ในขณะที่บางส่วนเสนอแนะการเปลี่ยนงบประมาณด้านความมั่นคงให้เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เพื่อที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า ในปีนี้ สามารถลดการขาดดุลงบประมาณลงได้เกือบ 1.5 ล้านล้านเหรียญ แต่นั่นก็ยังคงไม่เพียงพอต่ออัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ เพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
…
ที่มา –
- https://fiscaldata.treasury.gov/
- https://www.bea.gov/news/2022/gross-domestic-product-third-estimate-gdp-industry-and-corporate-profits-revised-2nd
- https://www.crfb.org/press-releases/us-gross-debt-tops-31-trillion