หลักจากที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่บังคับให้เด็กอายุไม่เกิน 6ปี ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัย หรือคาร์ซีท เมื่ออยู่บนรถและจะมีผลบังคับใช้หลังจาก 120 วันจากนี้ ก็ทำให้เกิดแรงกระตุ้นและการแสดงความคิดเห็นต่อผู้คนบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก รวมทั้งบรรดาผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน ก็ได้มีปฎิกิริยาต่อการบังคับใช้กฎหมายนี้กันหลายทาง ทั้งเห็นด้วยต่อความปลอดภัยของเด็ก รวมทั้งยังมีความสงสัยในข้อปฎิบัติอีกมากมาย วันนี้ทีมงานได้รวมรวมความเข้าใจของกฎหมายที่ว่านี้ และวิธีการรวมทั้งการเตรียมความพร้อมรับมือกฎหมาย รวมถึงความปลอดภัยของเด็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองควรตระหนักถึงเป็นอันดับแรก
สำหรับ พ.ร.บ. การจราจรทางบก มาตรา 123 ภายใต้บังคับในขณะขับรถยนต์ ผู้ที่อยู่ในรถยนต์ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ขับขี่ ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะขับรถยนต์
(2) คนโดยสารที่นั่งแถวตอนหน้าและที่นั่งแถวตอนอื่น ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งตลอดเวลาในขณะโดยสารรถยนต์
(3) คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน6ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
(4) คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง หรือมีวิธีการป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด
ในกรณีที่ผู้ขับขี่หรือคนโดยสารมีเหตุผลทางสุขภาพอันไม่สามารถรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่งได้ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง แต่บุคคลนั้นต้องมีวิธีการป้องกันอันตราย ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
“สรุปใจความสำคัญคือ ในเด็กอายุไม่เกิน 6ปี หรือความสูงไมเกิน 135 เซนติเมตร ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก(คาร์ซีท) หรือคาดเข็มขัดนิรภัย หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ”
นั่นหมายความว่าผู้โดยสารทุกคนที่อยู่บนรถ ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยหรือนั่งในที่นั่งนิรภัยทั้งหมด
จึงเป็นที่มาของการที่ผู้ปกครองต้องจัดหาและเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางบนรถยนต์ให้กับเด็กๆ ซึ่งที่จริงแล้วกฎหมายนี้ก็เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุสำหรับเด็กๆ โดยการป้องกันอันตราย หรือการเตรียมอุปกรณ์ในการป้องกันอันตรายสำหรับเด็กๆนั้น นอกเหนือจากคาร์ซีท (ที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก) ก็ยังมีอุปกรณ์ที่สามารถเลือกใช้ได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน เราได้รวมรวมมาให้คุณแม่คุณพ่อได้ทำความเข้าใจ และเลือกใช้ให้เหมาะกับบุตรหลานของท่าน
คาร์ซีท เป็น อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก ที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าสามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด รวมถึงในบางประเทศยังมีกฎหมายว่าด้วยการใช้คาร์ซีท ซึ่งหากพ่อแม่ไม่เตรียมคาร์ซีทไว้ก็จะไม่สามารถพาลูกขึ้นรถได้เลย แต่ในบ้านเรานั้นก่อนหน้านี้การใช้คาร์ซีท เป็นการรณรงค์เพื่อให้ผู้ปกครองตระหนักถึงความจำเป็นและความสำคัญมากกว่า จนมาถึงการบังคับใช้เป็นกฎหมายในที่สุด ซึ่งการเลือกใช้คาร์ซีทนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงอายุและคุณลักษณะของแต่ละรุ่นนั่นเอง
บูสเตอร์ซีท คือเบาะนั่งเสริม เหมาะสำหรับเด็กวัย 4-8ปี หรือในเด็กที่มีความสูง 140 เซนติเมตรเป็นต้นไป บูสเตอร์ซีทนั้นถูกออกแบบมาเป็นเบาะรองนั่ง จะมีทั้งแบบที่เป็นเบาะนั่งเสริม หรือเบาะรองก้น ซึ่งจะแตกต่างจากคาร์ซีทตรงที่ไม่มีเข็มขัดรัดที่ตัว โดยเด็กที่ใช้บูสเตอร์ซีท จะรัดด้วยเข็มขัดนิรภัยที่อยู่บนตัวรถโดยตรง แต่ใช้บูสเตอร์ซีทช่วยในกรณนีที่สายพาดยังไม่สามารถพาดผ่านคอของเด็กได้ นอกจากนั้นแล้วยังมีคำแนะนำว่า ในเเด็กที่เปลี่ยนจากการนั่งคาร์ซีทมาเป็นบูสเตอร์ซีทนั้น ควรใช้บูสเตอร์ซีทจนส่วนสูงถึง 145 เซนติเมตรก่อนที่จะนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ใหญ่ได้อย่างปลอดภัย
สายปรับเข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็ก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับเด็กที่สามารถนั่งรถและคาดเข็มขัดนิรภัยแบบผู้ใหญ่ได้ แต่สายเข็มขัดยังไม่สามารถพาดผ่านคอเด็กได้ สายปรับเข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็กจะช่วยปรับให้ตัวสายที่พาดผ่านคอขยับออกจากคอของเด็กได้ ซึ่งการใช้อุปกรณ์ในลักษณะนี้แนะนำสำหรับเด็ก 3ขวบเป็นต้นไป
ข้อมูลความปลอดภัยสำหรับการเลือกเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก จะมี4ประเภทใหญ่ ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัวของเด็ก
แบบแรก คือ Infant Carrier Seats ซึ่งเป็นเบาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนไปถึงอายุ 6 เดือน มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ 9.09 กิโลกรัม หรือ 20 ปอนด์ และสูงประมาณ 26 นิ้ว
แบบที่ 2 คือ Rear-Facing Convertible Seats เบาะนิรภัยสำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนจนถึง 1 ปี มีน้ำหนักไม่เกิน 13.6 กิโลกรัม หรือ 30 ปอนด์
แบบที่ 3 เรียกว่า Forward Facing Seat หรือ Toddle Booster Seat เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักไม่เกิน 40 ปอนด์ หรือ 18.8 กิโลกรัม
แบบสุดท้าย คือ Booster Seat หรือเบาะนั่งเสริม มีทั้งรูปแบบที่เป็นเบาะที่มีรองและพนักพิงหลัง ซึ่งเรียกว่า High Back Booster จะใช้กับเด็กที่มีอายุระหว่าง 4-11 ปี มีความสูง 150 เซนติเมตร