เมื่อวานนี้ (24 มี.ค. 65) พรรคเพื่อไทย จัดงานเปิดตัวนโยบายว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) โดยได้นำเสนอ 5 แนวนโยบายหลัก ได้แก่
1) 30บาท ถึงที่หมาย : ผลักดันให้กระทรวงคมนาคมบริหารจัดการรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟลอยฟ้า หน่วยงานเดียว เพื่อการบริหารค่าโดยสารที่เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย เสียค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว ผู้โดยสารจะเข้ามาใช้งานมากขึ้น ทำให้ค่าตั๋วโดยสารถูกลงด้วย
2) 50 เขต 50 โรงพยาบาล : ยกระดับศูนย์บริการสาธารณสุขที่มีอยู่แล้วเขตละ 1 แห่ง หรือสร้างโรงพยาบาลชุมชนขนาด 120 เตียงที่สามารถดูแลประชาชนเบื้องต้นแบบครบวงจร โดยให้ กทม. รับงบประมาณกองทุนประกันสุขภาพจำนวน 15,000 ล้านบาท มาบริหารจัดการเอง
3) 437 สถานศึกษา พัฒนาสร้างรายได้ : เปิดพื้นที่โรงเรียนในสังกัด กทม. 437 แห่ง ให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ให้เป็นพื้นที่ของงาน เงิน และอนาคต ทั้งการศึกษาในระบบ โดยเพิ่มการเรียนภาษาที่ 2 อังกฤษและจีน เพิ่มทักษะคอมพิวเตอร์และโปรแกรมมิ่ง เพื่อให้เด็กและเยาวชน มีทักษะความรู้ในโลกสมัยใหม่ รวมทั้งการศึกษานอกระบบ ต้องทำให้โรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Maker space) โดย กทม.มีหน้าที่สนับสนุนงบประมาณ จัดจ้างครู อุปกรณ์ เช่น การทำอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า โรงถ่ายหนัง มาสร้างสรรค์งานร่วมกัน จนเกิดเป็นสตาร์ทอัพ
4) กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาท : ทุกชุมชนใน กทม.ไม่เกิน 6,000 แห่ง ชุมชนแออัด หมู่บ้าน และคอนโด ต้องได้รับงบประมาณ 200,000 บาทต่อปี ให้ แต่ละชุมชนนำเสนองบประมาณเพื่อพัฒนาพื้นที่ผ่านเขตของตนเองได้ โดยจะมีคณะกรรมการที่ได้รับการเลือกตั้งภายในชุมชน มีผลงานชัดเจนจากการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมาแล้ว มาร่วมตัดสินใจใช้งบประมาณแบบมีส่วนร่วม
5) 50 เขต 50 ซอฟต์พาวเวอร์ : คนชุมชนหรือย่านนั้น จัดงานแสดงศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร แฟชัน ดนตรี โดยคนในท้องถิ่นที่จะสามารถออกแบบอีเวนต์เพื่อดึงดูดเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างเงินด้วยตนเอง กรุงเทพฯ จะไม่หลับใหล เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลัง สร้างงาน สร้างเงินให้กับประเทศ
สำหรับสโลแกนในการลงผู้สมัคร ส.ก.ของเพื่อไทย คือ ‘เลือกเพื่อไทย เลือกอนาคตที่มั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ’ ผ่านนโยบายของว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. จากพรรคเพื่อไทย
.
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ครบ 50 เขต ซึ่งผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีทั้งอดีต ส.ก. 8 คน อดีต ส.ข 7 คน เป็นผู้มีประสบการณ์ และยังมีคนรุ่นใหม่ ที่ทำงานเชิงพื้นที่มาอย่างยาวนาน ภายใต้การสนับสนุนของ ส.ส.ในพื้นที่ ซึ่งทำงานสอดประสานกัน ยืนยันต่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ว่า หากเลือกเพื่อไทย ได้อนาคตของ กทม. ทั้งนี้ ส.ก. สามารถกำหนดอนาคตของ กทม.ได้ เพราะงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี อยู่ที่การอนุมัติของสภากรุงเทพมหานคร ดังนั้นจึงมีความสำคัญในการตรวจสอบควบคุม เสนอแนะ ฝ่ายบริหารของ กทม. ดังนั้น 22 พฤษภา เข้าคูหา กา ส.ก.ของเพื่อไทย
.
ขณะที่นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตจอมทอง พรรคเพื่อไทย (เฮียล้าน จอมทอง) กล่าวว่า นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจ กรุงเทพฯไม่มีการจัดการเลือกตั้ง ส.ก.รวม 8 ปี พร้อมกับแต่งตั้ง ส.ก. 30 คน ซึ่งไม่เคยลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวจอมทองสักครั้ง แม้ตนเองจะไม่ได้เป็น ส.ก. แต่ยังคงลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เสมือนเป็น ‘ส.ก.นอกสภา’ พร้อมตอกย้ำถึงบทบาทหน้าที่ของ ส.ก. ว่าทำหน้าที่เหมือน ส.ส. ของคนกรุงเทพฯ เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ออกข้อบังคับที่เป็นประโยชน์ ช่วยแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพฯ พิจารณางบประมาณ ที่ผู้ว่าฯ กทม. เสนอมา ตรวจสอบถ่วงดุล เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนกรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งประชากรจริงและประชากรแฝงทุกคน ดังนั้นการเป็น ส.ก.คือการแก้ปัญหาทั้งในสภา กทม.และนอกสภา ซึ่งคือการลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องชาวกรุงเทพฯในทันที เช่น การลงพื้นที่ตรวจ ATK เชิงรุก จัดชุดยาเพื่อให้ประชาชนทำ Home isolation ประสานหาเตียง พร้อมย้ำว่า ตนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ที่จะดูแลคนกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะมีทะเบียนบ้านอยู่กรุงเทพฯ หรืออยู่อาศัยเพื่อทำมาหากินอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ขอให้ชาวกรุงเทพฯมั่นใจว่า เลือกเพื่อไทย เลือกอนาคตที่มั่งคั่ง ให้คนกรุงเทพฯ
.
“การเป็น ส.ก. แบบเฮียล้าน ไม่ใช่คนที่ลงพื้นที่เฉพาะเวลาใกล้เลือกตั้งแล้วนั่งทำงานในห้องแอร์ แต่คือการเป็นคนพื้นที่ ที่อยู่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชน เข้าถึง พึ่งได้ ไม่นิ่งดูดาย เจอปัญหาต้องหาวิธีแก้ไข ทั้งการออกข้อบังคับต่างๆ ตามกลไก หรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านอกสภา เพราะบางปัญหาต้องแก้ทันที รอไม่ได้” นายสุทธิชัย กล่าว
.
ภายในงานมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ก. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. คณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส.กทม. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมงานด้วย
.
ในงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ของเพื่อไทย มีการจัดให้ว่าที่ผู้สมัคร แนะนำตัวพร้อมสโลแกนประจำตัว เช่น ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ก.เขต พญาไท มีสโลแกนประจำตัวว่า ‘สถานีต่อไปพญาไท ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนกรุงเทพให้ดีกว่านี้ได้ที่สถานีนี้ next station เลือกกวี ณ ลำปาง” หรือ “บ้านพักคนชราต้องบางแค แต่ถ้าอยากได้คนเทคแคร์ ต้องเลือกเอกชัย” หรือ “ไม่ว่าตลิ่งจะชันหรือไม่ชัน ขอแค่ได้รับใช้ทุกท่าน นั่นคือความฝันของผม เป็นต้น
.
สำหรับการจัดงาน มาในธีม ‘Bangkok Bling กรุงเทพฯ เมืองมั่งคั่ง’ รูปแบบเหมือนเทศกาลงานดนตรี มีการจัดแสดงดนตรีสด โดยวง T_047 และ เอ้ the voice (เอ้-กุลจิรา ทองคง) ตัวแทนของนักดนตรีและอาชีพกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการธุรกิจกลางคืน ในช่วงแรกของการระบาดของโควิด-19 และยังมีการนำบูทขายอาหารสตรีทฟู้ด ทั้งร้านไก่กรอบป้าแก้ว ลาบเสียบ หมูกรอบ ขนมครกร้านน้องกะทิ รวมถึงประชาชนเบียร์ โดยการนำอาหารไทยริมทาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงให้เห็นว่ากรุงเทพฯ เมืองหลวงของสตรีทฟู้ด เป็นสวรรค์ของอาหารริมทาง และยังเป็น Soft power ของประเทศไทย สามารถสร้างรายได้ปีละกว่า 340,000 ล้านบาทในปี 2564 (จากการคาดการณ์ของยูโรมอนิเตอร์ ผู้ให้บริการวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาด และข้อมูลข่าวกรองด้านธุรกิจระดับโลก)