ดอกเตอร์ “แอน-มารี ฟอร์ส คอนนอลลี” จากมหาวิทยาลัย”ยูเมโอ” ของสวีเดน เผยผลการศึกษาล่าสุดพบว่า “โควิด-19” เพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยเกิดโรคหัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง โดยเปรียบเทียบอาการผู้ติดเชื้อโควิดเมื่อปีที่แล้วจำนวน 86,742 คน และคนที่ไม่ติดเชื้อไวรัส จำนวน 348,481 คน

ซึ่งในสัปดาห์หลังการตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด พบว่าผู้ป่วยมีอัตราเสี่ยงเกิดโรคหัวใจวายในครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3 – 8 เท่า และเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองครั้งแรก เนื่องจากการอุดตันของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น 3 – 6 เท่า อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ก่อนจะลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ นักวิจัย ไม่ได้นับรวมผู้ป่วยโควิด ที่เคยมีอาการหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน แต่เชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีความเสี่ยงการเกิดโรคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

ขณะเดียวกันวารสารวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่าง “พลอส วัน” (PLOS ONE)มีงานวิจัยอีกชั้นที่ระบุว่า การฉีดวัควีนไข้หวัดใหญ่ อาจลดความรุนแรงจากการป่วยด้วยโรคโควิดลง ซึ่งรวมไปถึงการติดเชื้อที่มีภาวะคุกคามต่อชีวิต และโรคหลอดเลือดสมอง

ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเกิดจากการศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเกือบ 75,000 คน ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยพบว่าผู้ป่วยโควิดที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องเข้ารักษาในห้องผู้ป่วยหนัก หรือผู้ป่วยฉุกเฉินมีจำนวนน้อย เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยโควิด ที่ไม่ได้รับวัควีนไข้หวัดใหญ่

อย่างไรก็ตามผลการศึกษานี้ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดผลที่ดีขึ้นจากอาการป่วยโควิด หรืออาจจะเป็นไปได้จริง แต่ต้องทำการศึกษาเข้มข้นขึ้นในกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้นด้วย