ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ได้อย่างสมศักดิ์ศรีและสมราคา “เต็งหนึ่ง” ของรายการอย่างแท้จริง ไม่เพียงแค่นั้น แต่ใน 3 นัดหลังสุด ก็เหมือนกับเป็นการไล่ถล่มคู่แข่งด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและเกมรุกที่ยากจะหยุดยั้ง นี่คือบทสรุปเส้นทางอันไร้ที่ติของพวกเขาสู่การชิงดำความเป็นหนึ่งของสโมสรโลก

เปแอสเชเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม B และยิ่งเล่นยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในรอบน็อกเอาต์ โดยเฉพาะในเกมที่ต้องเจอกับทีมระดับท็อปของโลก
รอบแบ่งกลุ่ม : เปแอสเชเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ในกลุ่ม B โดยในกลุ่มนี้ ถือว่า เป็นงานไม่ได้ยากนัก สำหรับเปแอสเซ แต่ก็ไม่ได้ง่ายจนเกินไป โดยนัดแรก เปแอสเช เอาชนะ แอตเลติโก มาดริด ไป 4-0 ถือว่า เปิดเส้นทางได้ดี

แต่แล้ว ก็มาพลาดพ่ายให้กับโบตาโฟโก้อย่างไม่น่าเชื่อ 0-1 เรียกได้ว่า พลิกล็อกถล่มทลายเลยทีเดียว ก่อนที่จะกลับมาสู่เส้นทางอีกครั้ง เมื่อเอาชนะ ซีแอตเทิล ซาวน์เดอร์ส 2-0 เข้าสู่รอบ 16 ทีมได้ในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่ม B

รอบ 16 ทีมสุดท้าย: เปแอสเช 4 – 0 อินเตอร์ ไมอามี เปแอสเชประเดิมรอบน็อกเอาต์ด้วยการส่งสัญญาณเตือนไปทั่วทั้งทัวร์นาเมนต์ พวกเขาเปิดเกมบุกอย่างเต็มรูปแบบและไล่ถล่มอินเตอร์ ไมอามี ไปอย่างง่ายดาย แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของทีมที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน

รอบ 8 ทีมสุดท้าย: เปแอสเช 2 – 0 บาเยิร์น มิวนิค บททดสอบที่แท้จริงมาถึงในรอบนี้ เมื่อต้องโคจรมาพบกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค แต่เปแอสเชก็ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม คุมเกมไว้ได้ทั้งหมดและเอาชนะไปอย่างเด็ดขาด 2-0 จากประตูของ เดซีเร่ ดูเอ้ และ อุสมาน เดมเบเล่

รอบรองชนะเลิศ: เปแอสเช 4 – 0 เรอัล มาดริด นี่คือเกมที่เรียกได้ว่าเป็น “มาสเตอร์พีซ” ของเปแอสเชในทัวร์นาเมนต์นี้ พวกเขาสร้างฝันร้ายให้กับแนวรับของ “ราชันชุดขาว” ตั้งแต่ 10 นาทีแรก และไล่ถล่มไปอย่างเหนือความคาดหมาย 4-0 จากผลงานสุดยอดของ ฟาเบียน รุยซ์ ที่เหมาสองประตู บวกกับ อุสมาน เดมเบเล่ และ กอนซาโล่ รามอส อีกคนละหนึ่งประตู เป็นการส่งเปแอสเชเข้าชิงอย่างสง่างามที่สุด

บทสรุปสถิติตลอดทัวร์นาเมนต์
ตลอดเส้นทาง 6 นัดที่ผ่านมา สถิติของเปแอสเชนั้นน่าทึ่งอย่างยิ่ง:
- ยิงได้ทั้งหมด: 16 ประตู
- เสียประตู: 1 ประตู
การยิงได้ถึง 16 ประตู และเสียไปเพียงประตูเดียวตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ คือเครื่องพิสูจน์ชั้นยอดถึงความสมดุลที่สมบูรณ์แบบทั้งเกมรุกและเกมรับของพวกเขา บัดนี้ เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เปแอสเชจะต้องเผชิญหน้ากับเชลซีในนัดชิงชนะเลิศ เพื่อตัดสินว่าใครคือสโมสรฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกอย่างแท้จริง
