ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โชว์ฟอร์มสุดโหดสมราคาแชมป์ยุโรป ไล่ถล่ม เรอัล มาดริด ไปอย่างขาดลอย 4-0 ในศึกฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 รอบรองชนะเลิศ ท่ามกลางเกมที่ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อของแนวรับ “ราชันชุดขาว” ส่งผลให้เปแอสเชทะยานเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับเชลซีอย่างเหนือชั้น

โดยเปแอสเซขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 6 เริ่มต้นขึ้นจากความผิดพลาดของ ราอูล อาเซนซิโอ กองหลังของมาดริด ที่สกัดบอลพลาดไปเข้าทาง ฟาเบียน รุยซ์ ซึ่งยืนรออยู่และยิงเข้าไปอย่างง่ายดาย
เปแอสเซนำ 1-0

อีกเพียง 3 นาทีถัดมา ในนาทีที่ 9 แนวรับของมาดริดก็ก่อความผิดพลาดซ้ำสอง คราวนี้เป็น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่พลาดท่าปล่อยให้ อุสมาน เดมเบเล่ ฉกบอลเข้าไปยิงผ่าน ติโบต์ กูร์กตัวส์ อย่างเฉียบขาด
เปแอสเซนำ 2-0
เกมยังคงเป็นของเปแอสเซ ที่มีโอกาสครองบอล และอาศัยจังหวะสวนกลับ และในนาทีที่ 24 เปแอสเชโชว์เกมสวนกลับอันยอดเยี่ยม อัชราฟ ฮาคิมิ พาบอลขึ้นมาก่อนจะจ่ายให้ ฟาเบียน รุยซ์ ซัดประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้
จบครึ่งแรก เปแอสเซนำ 3-0

เริ่มเกมในครึ่งหลัง มาดริดพยายามแก้เกม แต่ยังคงไม่สามารถเจาะเข้าทำอะไรได้มากนัก จากกองหลังของเปแอสเซที่แพ็คกันอย่างเหนียวแน่น โอกาสของมาดริดส่วนใหญ่จึงเกิดขึ้นจากนอกเขตโทษ
ทั้งสองทีมต่างเปลี่ยนตัวผู้เล่นกันลงมาเพื่อแก้เกมกัน ทำให้ในครึ่งหลังยังคงไม่มีสกอร์เกิดขึ้น จนเข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย เมื่อตัวสำรองของเปแอสเซ กอนซาโล่ รามอส ที่หลุดเข้าไปยิงตอกย้ำชัยชนะในนาที 87

จบเกม เปแอสเซชนะเรอัล มาดริด 4-0
ซึ่งแฟนบอลหลายคนมองว่า เกมนัดนี้ เกิดจากความผิดพลาดในเกมรับของเรอัล มาดริด ที่เปิดช่องให้กองหน้าของเปแอสเซ เข้าแย่งบอล เข้าไปยิ่งในกรอบเขตโทษได้ รูปแบบการทำประตูเกิดขึ้นในลักษณะคล้าย ๆ กัน

นั่นคือการสวนกลับ จ่ายบอลจากริมเส้น หรือ นอกกรอบเขตโทษ เปิดตัดเข้ามาตรงกลางกรอบเขตโทษ และให้กองหน้าของเปแอสเซ เป็นผู้สำเร็จโทษ

ในขณะที่ฝั่งของเปแอสเชภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ นั้นเรียกได้ว่า เก็บงานได้ละเอียด ทั้งการเพรสซิ่งแดนบน การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกที่รวดเร็ว และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ชัยชนะนัดนี้จึงเป็นการแสดงความเหนือชั้นกว่าอย่างมาก
