นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมทีมอาสาสมัครกู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ลงพื้นที่อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งพังถล่มเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเปิดเผยว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานกว่า 10 ชั่วโมงวางแผนเข้าช่วยเหลือ ก่อนพบสัญญาณชีพจากผู้ติดค้างประมาณ 70 ราย ที่กระจุกตัวอยู่บริเวณส่วนกลางของอาคาร ระหว่างชั้นที่ 17 ถึง 21 ซึ่งเป็นจุดที่มีพนักงานทำงานอยู่ในวันที่เกิดเหตุ
นายบิณฑ์ระบุว่า แม้ยังไม่มีการยืนยันการพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปถึงบริเวณที่ตรวจพบสัญญาณชีพได้ เนื่องจากติดปัญหาโครงสร้างอาคารที่พังลงมาจากยอดตึก ซึ่งมีความสูงถึง 30 ชั้น ขณะเดียวกันการขาดแบบแปลนอาคาร และสภาพพื้นปูน-ผนังที่หนากว่า 1 เมตร ทำให้การเจาะเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก
เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธียกซากจากด้านบนของตึกอย่างระมัดระวัง โดยหากพบร่างผู้เสียชีวิตจะนำข้อมูลเบื้องต้น เช่น ลักษณะรูปร่าง เสื้อผ้าที่สวมใส่ ไปตรวจสอบยืนยันตัวตนกับญาติและบริษัท ก่อนส่งต่อให้นิติเวชตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ต่อไป
สิ่งที่เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการขณะนี้คือการนำเศษเหล็กและปูนออกให้เร็วที่สุด เพื่อเข้าถึงบริเวณที่สแกนพบสัญญาณชีพ ขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของทีมกู้ภัยทุกคน
สำหรับการทำงานร่วมกับทีมต่างประเทศ นายบิณฑ์กล่าวว่า การประสานงานเป็นไปอย่างราบรื่น โดยทีมร่วมกตัญญูเคยผ่านการฝึกอบรมร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายประเทศ แม้อุปกรณ์ของต่างประเทศจะทันสมัยกว่า แต่เจ้าหน้าที่ไทยก็มีความชำนาญในการใช้งาน และยังคงเดินหน้าปฏิบัติการด้วยความหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือผู้ติดค้างได้อย่างปลอดภัย