คัดลอก URL แล้ว
“ม็อบปลาหมอคางดำ” ยื่น 4 ข้อเรียกร้องให้ “นายกฯ” ช่วย แต่ไร้ “อุ๊งอิ๊งค์” รับเรื่อง – “วิโรจน์” ลั่น “ถ้าอ่านหนังสือไม่ออก-ให้ถามพ่อดูจะแก้ยังไง”

“ม็อบปลาหมอคางดำ” ยื่น 4 ข้อเรียกร้องให้ “นายกฯ” ช่วย แต่ไร้ “อุ๊งอิ๊งค์” รับเรื่อง – “วิโรจน์” ลั่น “ถ้าอ่านหนังสือไม่ออก-ให้ถามพ่อดูจะแก้ยังไง”

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 18 มีนาคม 2568 ที่บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนน ราชดำเนินกลาง แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพ ฯ กลุ่มเกษตรกรเครือข่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของปลาหมอคางดำ รวม 19 จังหวัด กว่า 100 คน รวมตัวจัดกิจกรรมชุมนุม บริเวณเกาะกลางริมถนนราชดำเนิน เพื่อเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับเรื่องร้องเรียน พร้อมนำปลาหมอคางดำ กว่า 2 ตัน ใส่ท้ายรถกระบะ จำนวน 2 คัน จอดหน้าบริเวณหน้ากระทรวงเกษตร

ด้านตัวแทนเกษตรกรบางขุนเทียน เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาในวันนี้ เนื่องจากทำอาชีพเลี้ยงกุ้ง แต่ระยะหลังที่ปลาหมอคางดำระบาด เมื่อปล่อยกุ้งลงไปในบ่อ พอถึงเวลางมกุ้งขึ้นมาขาย กลับพบแต่ปลาหมอคางดำ ซึ่งส่วนใหญ่ปลาหมอคางดำจะกินแต่กุ้งเล็ก แต่ไม่สามารถกินกุ้งตัวใหญ่ได้ ทำให้ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เตรียมยื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเรียกร้องจำนวน 4 ข้อ คือ

  1. ตั้งคณะกรรมการอิสระ สอบสวนหาผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ในการนำเข้าปลาหมอคางดำ
  2. กำจัดปลาหมอคางดำ ให้หมดภายใน 1 ปี เร่งฟื้นฟูระบบนิเวศน์
  3. ประกาศเขต ภัยพิบัติทันที
  4. หน่วยงานรัฐต้องฟ้องผู้กระทำความผิดมาชดใช้เยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

ต่อมาเวลา 10.40 น. กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มตั้งขบวนเดินเท้าจากบริเวณหน้ากระทรวงเกษตร เพื่อไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาลประตู 5 โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เพื่อยืนรอเจราจร

ด้าน นายพานทอง ชิวค้า ตัวแทนเกษตรกรกรุงเทพฯ กล่าวว่า มีแกนนำกษตรกร ทั้ง 19 จังหวัดที่เรียกร้อง รักษาอาชีพผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ต้องการเรียกคืนระบบนิเวศน์ โดยปัจจุบันมีปลาหลากหลาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ตามในบ่อ แต่ถูกปลาชนิดนี้เบียดเบียน ซึ่งในบ่อเมื่อปล่อยกุ้งกลับได้ปลาหมอคางดำ แล้วจะอยู่อย่างไร ขอเป็นนายกช่วยแก้ปัญหาให้พวกเรา เป็นปัญหาระดับชาติ รวมถึงกระทรวงเกษตร ที่เป็นผู้นำเข้ามา และเมื่อเกิดปัญหากระทรวงกลับช่วยเราไม่ได้ที่ผ่านมา ทั้งการรับซื้อหรืออะไรก็ตาม โดยรัฐบาลไม่มีการยกระดับ โดยให้หลายกระทรวงทั้งพาณิชย์ และมหาดไทย กระทรวงทรัพย์ มาช่วยเราอย่างจริงจัง ไม่ใช่ทำงานลูบหน้าปาดจมูก

การยางแห่งประเทศไทย ประกาศรับซื้อไป 600 ตัน หรือ 6 แสนกิโลฯ รับซื้อได้เพียงแค่ 10 วันเนื่องจากเกินปริมาณที่มี ส่วนของ กทม.ตนขายไปเกือบ 100 ตัน เฉพาะที่บ่อในเขตบางขุนเทียน กทม. ยังคงมีอีก 3-4 พันตัน ถามว่าทางรัฐรู้หรือไม่ ต้องแก้ปัญหาอย่างจริงจังแล้ว พวกเกษตรกรจะทำอย่างไร

หากเป็นแบบนี้พวกเราอยู่ไม่ได้ พี่น้องเกษตรกรอยู่ไม่ได้ ไม่งั้นคงไม่มาถึงขนาดนี้ การช่วยเหลือทางภาครัฐมีเพียงครั้งเดียว ที่อดีตรัฐมนตรีธรรมนัส ใช้งบการยางซื้อ ครั้งเดียว แต่ทุกจังหวัดมีปลาทุกจังหวัด ปลาระบาดไป 19 จังหวัด ถ้ารัฐบาลยังปล่อยนิ่งเฉย ถ้าอีก 5-10 ปีคงระบาดไปทั่วประเทศ และยิ่งเข้าใกล้แหล่งน้ำจืด ปลาเลี้ยงโซนราชบุรี บ้านแพ้ว ถูกปลาหมอคางดำ เข้าไปแย่งห่วงโซ่อาหารมันเพิ่มต้นทุนเกษตรกร ต่อไปคงต้องซื้อปลาระบบปิด ปลานิลตัวละ 100 ถ้าเจอแบบนี้เราไปต่อไม่ได้ จำหน่ายได้เพียงโลละ 3-4 บาท เราแก้ปัญหาไม่ได้ ถ้านายกรัฐมนตรีไม่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง อาจส่งผลกระทบไปทั้งพี่น้องทั้งประเทศ ที่ราคาอาหารทะเลสูงขึ้น อาจเข้าทางนายทุนที่เลี้ยงเพื่อเรียกร้องราคาขายให้พวกเรา เดือนมกราคม เคยไปยื่นเรื่องมาแล้ว 1 ครั้ง แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้แก้ปัญหาเลย เพียงบอกสั้นๆ ว่าให้ กรมประมงเป็นผู้ดำเนินการแก้ปัญหาให้ ซึ่งเห็นมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ระบาดช่วงแรก ๆ ปัจจุบันมาถึง กทม. แล้ว

” วันนี้มี 4 ข้อที่เรียกร้อง เราจึงขอให้นายกมารับฟังพวกเราแล้ว ถ้าไม่รับฟัง พวกเราไม่เลิก หากเราต้องเลิก คือ ต้องเลิกจากอาชีพนี้ ประเทศไทยมีผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ หากปลาชนิดนี้ยังอยู่ ใครที่เอาปลาเข้ามาช่วยรับผิดชอบการกระทำด้วย ภาครัฐแก้เช้าชาม เย็นชาม ขอให้นายกฯ มารับเรื่องรับรู้ความเดือดร้อนของพวกเรา นึกถึงเวลาท่านไปหาเสียง แดดร้อนฝนตกท่านหาเสียงไปหาพี่น้องประชาชนได้ แต่เรามาถึงที่ทำงานของท่าน ช่วยแก้ปัญหาให้เราด้วย ถ้าไม่แก้ปัญหา จะยกระดับให้มากกว่านี้ แล้วจะเชิญชวนทั้งประเทศจะมีความรุนแรงมากกว่านี้ ” นายพานทอง กล่าว

สำหรับ 4 ข้อเรียกร้อง

  1. เยียวยาเกษตรกรที่เสียหาย กรุงเทพมหานครประกาศแล้ว ณ เวลานี้ใช้เวลา 6 เดือนยังไม่ไปถึงไหน ส่วนจังหวัดอื่นๆที่ได้รับความเดือดร้อนยังรอประกาศ ว่าจะแก้ปัญหาเมื่อไหร่
  2. รัฐบาลจะกำจัดอย่างไรให้ปลาลดน้อย หรือควบคุมได้ ไม่ใช่ทิ้งไว้เป็นปีแล้วมาจับ อย่าปล่อยให้แพร่พันธ์ เชื่อว่าถ้าทำจริงรัฐบาลทำได้ ขอเรียกร้องให้นายกลงมาแก้ไข เพระระดับกระทรวงทำไม่ได้

ต่อมาเวลา 10.40 น. กลุ่มผู้ชุมนุม เริ่มตั้งขบวนเดินเท้า เคลื่อนจากบริเวณหน้ากระทรวงเกษตร เพื่อมุ่งหน้าไปยังประตู 5 หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ยืนรอรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว

ส่วนการดูแลความปลอดภัย มี พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง นำกำลังเจ้าหน้าที่ คฝ. กว่า 100 นาย ยืนตรึงกำลังอยู่บริเวณหน้าประตูทำเนียบรัฐบาล ขณะที่แกนนำผู้ชุมนุมประกาศย้ำว่า ต้องให้ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับเรื่องด้วยตนเองเท่านั้น

ต่อมาเวลา 12.00 น. กลุ่มแกนนำประกาศ เคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมเพื่อไปปิดหน้าประตู 5 เพื่อรอให้นายกรัฐมนตรีมารับหนังสือ โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง พร้อมด้วย นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ออกมายืนรอเจราจรกับผู้ชุมนุม และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคประชาชน เขตบางขุนเทียน-บางบอน

นายณัฐชา กล่าวว่า มาสังเกตการณ์เพราะประชาชนที่มาอยู่บริเวณนี้ สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ไม่มีการแก้ไข จึงรวมตัวกันยื่นที่ทำเนียบ ตนทราบเรื่องจึงเดินทางมา จากการพูดคุยตัวแทนชาวบ้าน 19 จังหวัด โดยจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเวลาบ่าย 2 และตัวแทนกลุ่มชาวบ้านได้ประสานผู้นำฝ่ายค้าน ตนก็ได้ประสานนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านแล้ว แต่ติดภารกิจ แต่ทราบว่าจะมอบหมายให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มาเป็นตัวแทนรับหนังสือด้วย

ด้านนายบัญชา กล่าวว่า แบ่งพื้นที่ปลาชุกชุมเป็น 3 ระดับ น้อย , ปานกลาง , สูง แหล่งชุกชุมสูง จากแหล่งธรรมชาติ แต่เดิม มี 16 จังหวัด ขณะนี้เหลือแต่ชุกชุมปลานกลาง และชุกชุมน้อย และออกมาตรการห้ามเคลื่อนย้ายตัวที่มีชีวิต ส่วนที่ตายแล้ว กรณีตัวผู้ก็กำหนดรูปแบบเคลื่อนย้าย ส่วนมาตรการเรื่องการรณรงค์ และมาตรการที่สำคัญคือ ต้องใช้ระบบชีวภาพควบคุมให้เป็นหมัน กรมประมงได้เพาะปลาหมันที่ศูนย์วิจัยพันธุกรรมเพชรบุรี มาตั้งแต่เดือน ก.ค. และวันที่ 4 ก.พ.พบว่า ปลาชุดแรกที่ใช้โครโมโซม ปลาปกติตัวผู้ 2 N ตัวเมีย 2 N เมื่อผสมพันธ์กันในธรรมชาติลูกเป็น 2N จึงได้ใช้นวัตรกรรม นำไข่ที่มีอายุ 80 นาที 5 องศา 5 นาที จะกลายเป็น 4 N เมื่อผสมตามธรรมชาติลูกจะออกเป็น 3N คือ 3 ชุดโครโมโซม ที่จะเป็นหมัน ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองในพื้นที่ของกรมประมง เมื่อผลชัดเจนก็จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อควบคุมต่อไป

นายบัญชา กล่าวอีกว่า กรมประมงจะนำข้อมูลแหล่งน้ำแต่ละจังหวัดว่า เดิมมีสัตว์น้ำอะไรอยู่ กรมประมงจะเพาะพันธ์ปลากลับคืนดังเดิม ที่สำคัญขอเรียนว่า กรมประมงได้ของบกลาง เมื่อปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อใช้กำจัดเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมากำจัดในแหล่งน้ำธรรมชาติ และในบ่อเกษตรกร ที่ไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงหลุดรอดเข้าไป แต่ครั้งนี้จะกำจัดให้หมด คาดว่าประมาณ 3 ล้านกิโลฯ ให้สิ้นซาก และควบคุมไม่ให้เพาะเลี้ยง ก็สามารถตัดวงจรได้ ประกอบกับปลาหมันจะออกมาพอดี ก็สามารถแก้ปัญหาได้ ในเรื่องข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อนั้น ตนก็พร้อมรับฟังและชี้แจง รวมถึงเคยนำเรียนไปยังนายปัญญา ถมทอง ตัวแทนเกษตรกร เป็นหนังสือไปแล้วว่า ดำเนินการอย่างไรบ้างแล้ว

เมื่อถามถึงขั้นลามไป 19 จังหวัดแล้ว เหมือนการแก้ปัญหาไม่จริงจัง นั้น นายบัญชา กล่าวว่า 19 จังหวัด พบตอนก่อนเข้าวาระแห่งชาติ และลดลงเหลือเพียง 16 จังหวัด และบางจังหวัดระบบนิเวศน์ เช่น ทะเลสาบสงขลา มีปลากระพงขาว ปลาดุกทะเล นักล่าธรรมชาติ ปลาหมอคางดำจะไม่เข้าไป จึงจะนำมาเป็นโมเดลในการควบคุม

ส่วนการดำเนินการกับผู้ประกอบการ นั้น นายบัญชา กล่าวว่า ตามข้อร้องเรียนดังกล่าว กระทรวงเกษตรตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อมูลประกอบกับพี่น้องประมง ยื่นฟ้อง 3 เรื่อง

  1. ฟ้องแพ่งแบบกลุ่ม ที่ยื่นฟ้องเอกชน ทั้งหลักฐาน เอกสารต่าง ๆ เป็นข้อมูลทางกฎหมายที่ไม่ก้าวล่วง
  2. ยื่นฟ้องหน่งยงานรัฐ ให้มาควบคุมกำกับ ทางเราได้ทำเรื่องชี้แจงไปที่ศาลปกครองกลางเรียบร้อยแล้ว หากผลออกมาเป็นประการใดหน่วยงานรัฐน้อมรับดำเนินการ โดยแผนตามกรอบวาระแห่งชาติเรื่องการกำจัดให้เสร็จ ภายใน 3 ปี เมื่อเทียบปัญหาหอยเชอรี่ ปราบอย่างจริงจัง จนหอยเชอรี่หมด ฉะนั้น ต้องรณรงค์ให้บริโภค แต่ที่าำคัญคือ แพร่พันธฺเร็ว ออกลูกเร็ว อายุ 3 เดือนก็ออกลูกแล้ว ซึ่งกรมประมง มี 7 มาตรการเพื่อตัดตอนมาใช้เกิดประโยชน์ ถามว่าภายใน 1 ปี จะกำจัดได้หรือไม่ คิดว่าเป้าหมายใกล้เคียงกัน แต่ไม่ขอยืนยัน นายบัญชา กล่าว.

ต่อมาเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ถอยรถกระบะ ที่ขนปลาหมอคางหมอคางดำ แช่ในน้ำแข็งไว้ท้ายรถ จำนวนกว่า 2 ตัน และเปิดท้ายเทปลาหมอคางดำ ลงบนพื้นแผ่นผ้าใบ หน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พร้อมจุดเตาอั้งโล่เผาพริกแห้ง, กระดาษ และธูป เพื่อเป็นการสาปแช่ง ที่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมลงมาพบ และรับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าว

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เดินทางมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมเปิดเผยว่า ยืนยันว่าปลาหมอคางดำเป็นภัยร้ายกระจายไปทั่วทุกจังหวัด อยู่ได้ทุกน้ำ คือว่ารัฐบาลต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดย สส.กาย เคยแจ้งกับผู้นำฝ่ายค้านเรื่องนี้ว่าต้นตอมาจากที่ใด ผู้ต้องสงสัยคือใคร เรื่องนี้เป็นความกล้าหาญของนายกฯ ที่จะต้องมาแก้ไขเรื่องนี้ ในนามผู้นำฝ่ายค้านจะรับหนังสือและหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง ทาง สส.เล็ก จันทบุรี รายงานว่าพบปลาหมอคางดำในพื้นที่ ทำร้ายอาชีพประมง เมื่อเลี้ยงกุ้งกลับได้ปลาหมอคางดำ ตนคิดว่าปัญหาที่ต้องแก้อย่างตรงไปตรงมา จากรายงานทางคณะอนุกรรมาธิการศึกษา โดยมี สส.ณัฐชา ร่วมกับคณะ ชี้ผู้ต้องสงสัยที่ต้องรับผิดชอบในระดับหนึ่ง แล้วรัฐบาลต้องไปตรวจสอบต่อ แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วจะแก้อย่างไร จะปล่อยให้คนก่อเรื่องลอยนวล หรือปลาหมอว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรมาเอง โดยเฉพาะให้สัมภาษณ์ว่าปัญหามันจบสิ้นไปแล้ว แต่บอกเจอปลาหมอคางดำตัวเดียว เหมือนมองไม่เห็นปัญหา และรัฐบาลไม่ยอมรับว่าปัญหามีอยู่จริง ไม่เอาผิดกับคนที่ทำผิด

“เชื่อเถอะ แพทองธาร ชินวัตร รู้อยู่แก่ใจ เพราะคณะอนุกรรมการส่งให้แล้ว หรืออ่านไม่ออก หากไม่อ่าน เชื่อพ่อเขาต้องอ่าน เพราะพ่อเขาเป็นคนช่างเรียนรู้ เขาก็ถามกับพ่อเขา แต่พ่อเขาอ่านแน่นอน แล้วให้พ่อเขาบอกว่าจะแก้ยังไง ซึ่งมันง่ายมาก” ที่ประชาชนไม่พอใจอย่างมากที่เอาปัญหามาให้ และควรมารับหนังสือแก้ไขอย่างจริงจัง

“อะไรก็ตามที่เป็นความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนที่รัฐบาลทำเป็นนอนคดไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น เราจำเป็นต้องใช้กลไลทุกอย่างที่มีในสภา จัดการกับนายกที่ไม่รู้ 4 รู้ 8 แบบนี้ให้ได้” นายวิโรจน์ กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เพื่อการนำเสนอเนื้อหาที่ดี รวมถึงการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากคุณใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆนั้น แสดงว่าคุณยอมรับนโยบายคุกกี้และนโยบายส่วนบุคคลของเรา