นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล วันนี้เดินทางมาเรือนจำจังหวัดนครนายก ตั้งใจจะเข้าเยี่ยมนายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร นายก อบจ.ปราจีนบุรี หลังจากเมื่อวานมาผิดวัน แต่วันนี้เปิดให้ญาติเข้าเยี่ยมวันแรก ก็ยังไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้
นายสันธนะ เผยว่า วันนี้กินแห้ว เพราะเข้าเยี่ยมโกทรไม่ได้ สถานการณ์เปลี่ยนไปจากเมื่อวาน ตนเองได้เจอลูกสาวโกทร และทีมทนายเท่านั้น ตามระเบียบของเรือนจำทราบว่าญาติเข้าเยี่ยมแล้ว 1 ครั้งต่อวัน จะไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ ตนจึงเข้าไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนเองกังวลความปลอดภัยของโกทร เชื่อว่าต้องมีคำสั่งอะไรมาที่เรือนจำ ท่าทีเรือนจำจึงเปลี่ยนไป ขณะที่โกทรอยู่ข้างใน ข้างนอกก็เกิดความกดดัน หากขยับอาจเกิดอะไรขึ้นได้
โดยในวันจันทร์ 23 ธ.ค. นี้จะมีการรับสมัครนายก อบจ.ปราจีนบุรี มีการพูดคุยกับทีมทนายความและลูกสาวโกทร เรื่องการตัดสินใจลงสมัคร โดยพรุ่งนี้วันศุกร์ตนไม่มาเรือนจำ เพราะหากเข้าพบได้ แล้วโกทรตัดสินใจลงสมัคร ซึ่งก่อนถึงวันจันทร์ ยังมีเสาร์-อาทิตย์ อีก 2 วัน เกรงว่าโกทรไม่ปลอดภัย ถ้าวันจันทร์โกทรตัดสินใจ ทนายจะต้องมีการยื่นขอประกันตัว เพื่อขออนุญาตลงรับสมัครนายก อบจ. ปราจีนบุรี
จาการพูดคุย ตามที่ทนายความบอก การบรรยายพฤติการณ์แห่งคดีของโกทรนั้น เหมารวมเป็นเหตุการณ์เดียวทั้งหมด ตนก็ไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวน สอบอย่างไร และทราบว่าหลังจากนี้จะนี้การแจ้งข้อหาอั้งยี่,ซ่องโจร ซึ่งนายสันธนะ มองว่า การจะเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ต้องมีการซ่องสุม พูดคุย วางแผน นัดหมาย แต่แบบนี้มันมีที่ไหน หากถามว่าพอเป็นแบบนี้จะเขียนจดหมายเข้าไปอีกได้ไหม นายสันธนะ กล่าวว่า หากเป็นแบบนี้ จดหมายตนคงเข้าไม่ได้อีกแล้ว เพราะท่าทีของเรือนจำเปลี่ยนไป คงเกิดจากจดหมายเมื่อวานด้วย เพราะโกทร มีการยืนยันความบริสุทธิ์
อีกทั้งทิ้งท้ายว่า ตนเองจะเดินเกมการเมือง ตำรวจคนใดเสนอสนองฝ่ายการเมือง เจอกันกับตนเองแน่ และ หาก 4 โมงเย็นนี้ ผบ.ตร. ไปปราจีนบุรีตนเองก็จะตามไปเจอ อย่าหลบตนก็แล้วกัน อย่าอ้างเหตุอื่น ขอให้ได้พบ และขอให้มีการนัดหมายพบกันส่วนตัวด้วย และขอให้ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาดูข้อเท็จจริง และหลักฐานที่ตนมี หากฟังไม่ขึ้นตนเองพร้อมย้ายประเทศเลย
นอกจากนี้ นายสันธนะ ยังบอกอีกว่า ตนเองไว้ใจ ผบ.ตร. และ 2 ผู้บัญชาการตนก็เชื่อใจ แต่มี 3 นายพลที่ตนขอห้ามยุ่งเกี่ยว คือ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , รองผู้บัญชาการ , ผู้บังคับการ เพราะข้อเท็จจริงของตนมันไปถึงตัวนักการเมืองขั้วรัฐบาล