นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปราศรัยระหว่างหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรค พท.จะได้ไม่ต่ำกว่า 200 เสียง ว่า อย่าพูดว่านายทักษิณคาดหวังเลย แต่เป็นการคาดคะเนจากผู้มีประสบการณ์มากกว่า ในส่วนของพรรค พท.เองก็ต้องทำให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ เป้าหมายของพรรคก็ต้องให้เกินครึ่งอยู่แล้ว อย่างไรต้องไต่กลับมาให้เป็นพรรคอันดับ 1 ให้ได้ เป็นเป้าหมายของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะได้หรือไม่ได้ ต้องรอดูแลจากการเลือกตั้ง นายก อบจ.อุดรธานีครั้งนี้ก่อนใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงต้องแยกการเมืองใหญ่กับการเมืองท้องถิ่นออกจากกัน ท้องถิ่นจากที่ลงไปเราจะสังเกตได้ว่าการเลือกของประชาชนจะไม่เกี่ยวกับพรรค ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับตัวบุคคลที่มาดูแลประชาชนมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องของทั้งจังหวัด
เมื่อถามว่า หลายเรื่องที่นายทักษิณพูดบนเวที หลายเรื่องเป็นนโยบายของรัฐบาล และแต่ละกระทรวงก็รับลูกสิ่งที่นายทักษิณพูด จะมองถึงการไม่ครอบงำได้อย่างไร นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วสิ่งที่นายทักษิณพูดเป็นสิ่งที่แต่ละกระทรวงได้ทำอยู่แล้ว เป็นข้อสั่งการของนายกฯอยู่แล้ว เรื่องครอบงำความจริงน่าจะเลิกพูดกันได้แล้ว เพราะไม่มีอะไรที่จะมาครอบงำสมาชิกพรรคการเมืองได้ ไม่มีอะไรที่จะมาครอบงำให้สมาชิกพรรคไม่มีอิสระได้เลย การให้ข้อสังเกตหรือการให้ข้อแนะนำหรือนโยบายต่างๆ ที่นายทักษิณพูด ก็ชัดเจนว่านายกฯมาปรึกษาท่าน มาเล่าให้ฟังในฐานะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯและหัวหน้าพรรคด้วย ฉะนั้น เราควรจะเลิกพูดประเด็นนี้ได้แล้ว เป็นวาทกรรมที่ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย ไม่อย่างนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองอื่นหรือคนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้วออกมาพูดมันก็คือการครอบงำหมด จึงควรก้าวข้ามเรื่องของนายทักษิณได้แล้ว ตอนนี้นายกฯชื่อแพทองธาร และหัวหน้าพรรค พท.ชื่อแพทองธาร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่นายกฯชื่อแพทองธารพูด และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจเรื่องนี้ดี อยากให้มุ่งในเรื่องของการทำงานดีกว่า
เมื่อถามถึงการประชุมพรรค พท.วันเดียวกันนี้ จะมีการย้ำกับสมาชิกถึงเป้าหมายที่จะทำให้พรรคได้ 200 เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงเป็นการย้ำของหัวหน้าพรรคอยู่แล้วที่ให้ สส.ทุกคนลงพื้นที่ เพราะพรรค พท.จุดแข็งคือ การลงพื้นที่ อยู่กับประชาชน สิ่งที่หัวหน้าพรรคย้ำมาตลอดคือ ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ต้องทำให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นและเอาเรากลับมาเป็นพรรคอันดับ 1 ให้ได้
เมื่อถามถึงกรณีนักร้องเรียนออกมาพูดว่าจะร้องเรียนนายทักษิณที่ไปกล่าวหานักร้องเรียนว่าคอยเห่าหอนเหมือนสุนัข นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่ามีคำไหนที่แสดงให้เห็นถึงตรงนั้น เป็นเรื่องที่คิดกันไปเอง ใครรับก็รับไป เอาที่สบายใจ เราไม่กังวลในเรื่องนี้ การไปฟ้องร้องอะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เอ่ยชื่อคนหรือพาดพิงใครตรงๆ ประชาชนก็น่าจะรู้ดีและคงจะเอือมระอา ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองหรือไม่ว่า หากเป็นเรื่องนายทักษิณคนจะจ้องจับผิด นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงแล้วทั้งนายทักษิณและพรรค พท. เวลาทำอะไรจะมีคนจ้องอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เราไม่ได้สนใจและมุ่งหน้าในการทำงานดีกว่า ให้ผลงานเป็นตัวตัดสิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชาชน ตอนนี้เรามีเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน นายกฯย้ำกับรัฐมนตรีทุกคนว่าให้ทำงานให้เต็มที่ เพราะทุกอย่างพิสูจน์ด้วยผลงาน
เมื่อถามว่า ได้ฟังการปราศรัยของพรรคประชาชน (ปช.) หรือไม่ เพราะโต้ตอบนายทักษิณได้ทุกประเด็น นายสรวงศ์ กล่าวว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดบนเวที 70-80% พูดถึงเรื่องนโยบายของรัฐบาลเก่า ทั้งรัฐบาลไทยรักไทย ทั้งรัฐบาลพลังประชาชน และรัฐบาลเพื่อไทย รวมถึงพูดถึงนายกฯ ซึ่งความจริงเป็นการปราศรัยปกติ อาจจะมีโดนคนนั้นคนนี้บ้าง ตนก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่มีการพุ่งเป้ามาที่ผู้สมัคร แต่กลับพุ่งเป้าไปที่ตัวนายทักษิณ ถือเป็นสีสันทางการเมือง เป็นสิทธิของประชาชนที่จะเลือกใคร อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนายทักษิณที่มีข่าวจะไป จ.สุรินทร์นั้น ยืนยันไม่ได้ไป เพราะพรรค พท.ไม่ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ.สุรินทร์ ส่วนที่อื่นนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรค เป็นเรื่องของผู้สมัครเองที่จะเชิญใครไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง
เมื่อถามอีกว่า การที่ระบุว่าไม่ใช่เรื่องของพรรค พท. แต่การที่นายทักษิณไปปราศรัย จะมีสมาชิกพรรค พท.ไปร่วมด้วย มันจะสวนทางกันหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความจริงคือ พรรค พท.ไม่ได้มีมติส่ง แต่ตัวผู้สมัครอาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ สส.หรือสมาชิกพรรค พท. จึงอาจจะเชิญไป แต่ยืนยันพรรคไม่ได้มีมติส่ง
ต่อข้อถามว่า ในเวที อบจ. พรรค พท.มีมติที่จะส่งในพื้นที่ไหนบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้จังหวัดที่เราค่อนข้างมั่นใจเราเปิดตัวไปหมดแล้ว นอกนั้นเป็นจังหวัดที่เราคิดว่าถ้ายังไม่ลงตัวหรือคุยกันยังไม่จบก็คงจะต่างคนต่างลง จังหวัดไหนที่เราส่งในนามพรรค จะต้องเป็นคนในพื้นที่ โดยเฉพาะ สส.มีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะสนับสนุน หรือไม่ก็เป็นมติกรรมการบริหารพรรค ฉะนั้น จังหวัดที่เราเปิดตัวไปแล้วคือจังหวัดที่เราส่ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีเพิ่มเติม