คัดลอก URL แล้ว
ไทยภักดี ล่า 1 แสนรายชื่อ ยกเลิก MOU 44

ไทยภักดี ล่า 1 แสนรายชื่อ ยกเลิก MOU 44

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี แถลงข่าวที่เกาะกูด อ.เกาะกูด จ.ตราด เพื่อรณรงค์ ขอ100,000 รายชื่อคนคลั่งชาติ เรียกร้องรัฐบาลยกเลิกMOU44 เพื่อปกป้องดินแดนทางทะเลเกาะกูดและสมบัติชาติ ผ่านช่องทาง https://nationalist.onrender.com โดยมี 3 ข้อเสนอคือ

1.ให้รัฐบาลยกเลิกMOU2544 โดยเร่งด่วน เพื่อปกป้องประโยชน์สูงสุดของประเทศ


2.รัฐบาลควรประกาศไม่ยอมรับเส้นแบ่งเขตไหล่ทวีปของกัมพูชา ที่ประกาศในปีพ.ศ.2515 เพราะไม่มีหลักการทางกฏหมายทะเลระหว่างประเทศ และเป็นการอ้างสิทธิ์ที่เกินสิทธิ์ และใช้แผนที่แบ่งเขตทางทะเล เขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ)ที่UNCLOSประกาศเป็นแนวทางเจรจา ถ้าต้องมีการเจรจา

และ 3.รัฐบาลไทยต้องไม่ยอมแบ่งปันทรัพยากรใดๆ ในพื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ให้กัมพูชา แต่จะต้องเจรจาเขตแดนทางทะเลให้แล้วเสร็จเสียก่อน เพราะถ้ามีการแบ่งปันผลประโยชน์ก่อนการเจรจาดินแดน จะนำไปสู่การเสียดินแดนได้ในอนาคต

ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยไปยอมรับเส้นเขตไหล่ทวีป(เส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล)ที่กัมพูชาประกาศขึ้น อย่างไม่มีหลักกฎหมายรองรับเมื่อปี พ.ศ.2515 เพราะเป็นเส้นที่ลากจากเขตแดนไทย-กัมพูชาทางบกหลักที่73 ตรงมายังเกาะกูดซึ่งเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี ค.ศ.1907ข้อ2 แล้วอ้อมตัวเกาะเป็นรูปครึ่งวงกลม ก่อนจะลากตรงต่อไปกลางอ่าวไทย ก่อให้เกิดเป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ขนาด 26,000 ตารางกิโลเมตรระหว่างเส้นเขตไหล่ทวีปตามอำเภอใจของกัมพูชาในปี พ.ศ.2515กับเส้นเขตไหล่ทวีปที่ไทยประกาศในปี พ.ศ.2516 โดยยึดหลักการตามอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป ค.ศ.1958 ที่ลากจากหลักเขตที่ 73 ตรงไปยังจุดกึ่งกลางระหว่างเกาะกูดของไทยกับเกาะกงของกัมพูชาตรงออกไปกลางอ่าวไทย การที่MOU44 ไปยอมรับการลากเส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาผ่านเกาะกูด แม้เป็นการอ้างสิทธิ์ของกัมพูชา แต่เป็นการอ้างสิทธิ์ที่เกินสิทธิ์ และไม่ถูกต้อง การที่MOU44 ไปยอมรับการมีอยู่เส้นไหล่ทวีปของกัมพูชาดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบโดยตรงและย้อนแย้งกับสิทธิของเกาะกูด ที่จะต้องมีเขตทะเลอาณาเขต เขตไหล่ทวีป เขตเศรษฐกิจจำเพาะ200ไมล์ทะเล

“ในฐานะรัฐบาลไทย ท่านไปยอมรับได้อย่างไรที่ MOU44 ไปยอมให้เกาะกูดเหลือแต่ตัวเกาะ แต่พื้นที่โดยรอบของเกาะกูด โดยเฉพาะพื้นที่ด้านประชิดกับกัมพูชา กลายเป็นพื้นที่ ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ และเกิดเป็นทับซ้อน ซึ่งย้อนแย้งโดยสิ้นเชิง กับหลักเขตไหล่ทวีป เขตเศรษฐกิจจำเพาะ200ไมล์ของเกาะกูด ถ้าอธิบายแบบง่ายๆนั่นคือ เฉพาะเกาะกูด ประเทศไทยจะมีแค่ตัวเกาะ ส่วนพื้นที่ทางทะเลรัฐบาลไปยอมรับว่าทับซ้อนกับทางกัมพูชา” ประธานพรรคไทยภักดีระบุ

ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ตามหลักการในMOU 44 ได้แยกพื้นที่ทับซ้อนเป็น2ส่วน โดยกำหนดพื้นที่ส่วนบนเหนือเส้น11องศาเหนือประมาณ10,000 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นพื้นที่เจรจาเขตแดน ส่วนพื้นที่ส่วนล่าง ต่ำกว่าเส้นองศาเหนือประมาณ16,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่หาผลประโยชน์พัฒนาร่วม โดยกำหนดให้ทั้งสองส่วนนี้จะต้องทำไปพร้อมกัน แยกส่วนไม่ได้ ซึ่งตามหลักการ ควรจะต้องเจรจาเขตแดนให้ชัดเจนเรียบร้อย ทั้งส่วนบนและส่วนล่างเสียก่อน จึงจะเป็นการปกป้องรักษาดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทยที่ดีที่สุด ทำไมจึงไม่เจรจาเขตแดนให้เรียบร้อยทั้งสองส่วน การที่MOU44 ไปยินยอมให้มีการเจรจาผลประโยชน์พัฒนาร่วม โดยไม่สนใจเจรจาเขตแดนก่อน ย่อมมีความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจต้องเสียประโยชน์ด้านพลังงาน ทั้งๆที่ส่วนนี้น่าจะเป็นของประเทศไทยมากกว่า และนำไปสู่การเสียดินแดนทางทะเลได้ในอนาคต

“หากรัฐบาลไทยยินยอมให้มีการนำทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนมาแบ่งกับกัมพูชา ซึ่งเป็นข้อตกลงส่วนหนึ่งของMOU44 เท่ากับว่าไทยเรายอมรับการมีอยู่จริง ของเส้นไหล่ทวีปที่กัมพูชาลากผ่านเกาะกูด ซึ่งจะสร้างความชอบธรรมให้กับกัมพูชา ถ้าหากมีการเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเลในอนาคต ให้สามารถนำมาเป็นหลักฐาน หรือพิสูจน์ในศาลระหว่างประเทศ โดยอ้างสิทธิทางประวัติศาสตร์ ตามกฏหมายทะเล เพื่อให้เส้นไหล่ทวีปที่ลากผ่านเกาะกูดนี้ เป็นเส้นเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาที่ถูกต้อง อันอาจนำไปสู่การเสียดินแดนได้ในอนาคต” ประธานพรรคไทยภักดีกล่าว

ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า แม้ในMOU44จะยอมให้ใช้กฏหมายระหว่างประเทศ เพื่อเจรจาเขตแดน แต่ที่สำคัญคือกัมพูชาไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หรือ United Nations Convention on the Law Of the Sea (UNCLOS) ซึ่งอาจทำให้เป็นข้ออ้างของกัมพูชา และมีอุปสรรคต่อการเจรจาเขตแดน เพราะไม่รู้ว่าจะเจรจาด้วยหลักการอะไร? ไทยควรเรียกร้องให้กัมพูชาลงสัตยาบัน UNCLOS เพื่อเป็นหลักอ้างอิงในการเจรจา

“การที่รัฐบาลไทยไปยอมกัมพูชาทุกอย่าง ยอมแม้การอ้างสิทธิไหล่ทวีปอ้างเกินสิทธิ ผ่านเกาะของไทยเอง โดยหลักแล้วไม่มีประเทศไหนเขายอม ยิ่งสะท้อนว่า รัฐบาลสนใจแต่ประโยชน์ด้านพลังงาน เร่งที่จะเอา โดยไม่สนใจประโยชน์ส่วนใหญ่ควรเป็นของไทย” ประธานพรรคไทยภักดีกล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง