วันที่ 25 ตุลาคม 2567 ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายหลังจากการประชุมกว่า 1 ชม. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปเสียงในคดี ดิ ไอคอน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่อง คลิปเสียงบุคคลรับผลประโยชน์กับผู้ต้องหาในคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป โดยคณะทำงานได้ตรวจสอบคลิปเสียง มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และพยานบุคคล ซึ่งขณะนี้เหลือสอบปากคำอีกไม่กี่ปาก คาดว่าเพียงพอที่จะสรุปสำนวนเพื่อดำเนินคดีกับนักร้องเรียน ภายในสัปดาห์หน้า โดยในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.) ช่วงบ่าย ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.ปคบ. ซึ่งเป็นอดีตสามีนักร้องเรียนหญิง มาสอบปากคำเพิ่มเติม
ส่วนจะเป็นหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาหรือหมายจับต้องพิจารณากันอีกครั้ง ตอนนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยในส่วนของคลิปเสียงรีดทรัพย์ เป็นหน้าที่ของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ส่วนพยานเท็จเป็นหน้าที่ของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
เมื่อถามถึงกรณี นายตำรวจยศพันตำรวจเอก ขึ้นพูดบนเวทีดิ ไอคอน ในปี 2561 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ทางสำนักงานจเรตำรวจเป็นผู้ตรวจสอบ เนื่องจากตนมีความสนิทส่วนตัว โดยตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายตำรวจคนดังกล่าว
ส่วนเรื่องเส้นเงินของ 3 บอสดารา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ทาง บก.ปคบ. เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ
ส่วนกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางไปที่เรือนจำ พร้อมตำรวจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ คาดว่า นายอัจฉริยะมีการประสานมาทางตำรวจ ว่าได้รับการติดต่อจากทางญาติของนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือ โค้ชแล็ป หนึ่งในผู้ต้องหาว่า ตัวโค้ชแล็ปต้องการที่จะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไร
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังเปิดเผยว่า วันนี้ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล ได้นำข้อมูลหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดกับนักร้องเรียนเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่จะเอาผิดกับทางนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด รวมไปถึงพยานที่ให้ข้อมูลเท็จ เบื้องต้นยังไม่มีการเข้าแจ้งความ แต่มีการประสานว่าจะเข้าดำเนินการหลังจากคดีรีดทรัพย์เสร็จสิ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ตำรวจในพื้นที่จะโอนคดีฉ้อโกง 71 ล้านบาท ที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เป็นผู้ถูกกล่าวหามาให้ บก.ป. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในกรณีดังกล่าวตนได้มีการพูดคุยกับทางพล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. แล้วว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายต้องการให้คดีมาที่นี่ ไม่ใช่ทางเราไปลากคดีมา เป็นความประสงค์ของผู้เสียหาย ยืนยันไม่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับทนายตั้ม และไม่ขอให้ความเห็นในกรณีดังกล่าว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในยุทธจักร ยุทธภพ ทนายตั้มผ่านมาแล้วหลายเวที ก็ให้ข้อเท็จจริงกันไป ส่วนตนก็ทำหน้าที่ของตน ไม่มีเรื่องที่จะต้องเอาคืน มีแต่ผู้เสียหายที่จะขอเอาคืนจากทนายตั้ม และยืนยันว่า ไม่ใช่ตน
