คัดลอก URL แล้ว
ผบ.ตร. ยัน ออกหมายจับผู้ต้องหา “ดิไอคอน” ทันสิ้นเดือนนี้แน่

ผบ.ตร. ยัน ออกหมายจับผู้ต้องหา “ดิไอคอน” ทันสิ้นเดือนนี้แน่

วันที่ 15 ตุลาคม 2567 พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป

พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาติดตามความคืบหน้าคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป ซึ่งมีความคืบหน้าไปอย่างมาก ตอนนี้อยู่ระหว่างพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน และเชื่อว่า ผู้ถูกกล่าวหา มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง

ส่วนการจะออกหมายจับผู้ถูกล่าวหาทั้งหมดหรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ บอกว่า พนักงานสอบสวนต้องมีความรอบคอบและรัดกุมในการทำสำนวน ซึ่งจากที่เห็นผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทางมาแสดงตนกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา แต่การจะเข้าสู่ขบวนการออกขอหมายจับ เป็นเรื่องของอนาคตอยู่ในระหว่างพิจารณา จากที่ดูหลักฐานเมื่อช่วงเช้า พบว่า เข้าข่ายความผิด ตลาดขายตรง , พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค , พ.ร.ก.กู้ยืมเงินฯ และ ฉ้อโกงประชาชน โดยข้อหาเกิดจากการสอบสวนที่สืบทราบมาได้ ต้องให้เวลากับพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่นหนา ก่อนพิจารณาความผิดกับผู้ถูกกล่าวหา

ส่วนความคืบหน้าในการสอบปากคำผู้เสียหายตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า สอบปากคำไปทั้งหมดมากกว่า 900 คน จากที่ผู้เสียหายได้ลงทะเบียนเกือบ 1,100 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 400 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำหนังสือไปให้ทาง ป.ป.ง. ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากมีผู้เสียหายร้องเรียนเป็นจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท เกรงว่า จะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินไปยังบุคคลอื่น จึงรีบดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเข้าในที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในวันที่ 17 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ รวมถึงอยู่ระหว่างพิจารณาว่า เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่

ส่วนกรณีที่มีทางสถานีตำรวจ หรือ ตำรวจภูธรบางที่ที่ไม่รับแจ้งความ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีหนังสือสั่งการเวียนชี้แจงทั่วประเทศไปแล้วถึง 2 ครั้ง ให้ทางสถานีตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรในพื้นที่ทั้งหมด รับแจ้งความในคดี บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จึงอยากฝากเตือนไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามคำสั่ง หากเกรงว่าไม่ทราบประเด็นในการสอบปากคำทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะส่งประเด็นคำถามให้กับพนักงานสอบสวนโดยตรง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าแจ้งความให้กับพี่น้องประชาชนและผู้เสียหายในคดี ไม่ให้เกิดการเสียเวลาเดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อคดี แต่ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการว่า จะเอาผิดกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง หากผลการสอบสวนและหลักฐานเพรียกพร้อม ในการดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว

ส่วนกรณีที่ทางผู้ถูกกล่าวหา มีการชิงชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายก่อน พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า คิดว่า ไม่มีผลกระทบต่อรูปคดีที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา ที่จะสามารถกระทำได้ แต่คดีปรากฏชัดเจน ไม่สามารถยอมความได้ ก็จะต้องดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมายตาม ป.วิอาญา

พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการให้ข้อมูลในคดีนี้ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ พลตำรวจตรีโสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. เป็นผู้ดำเนินการให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและประชาชน ที่กำลังติดตามข่าวสาร และขอยืนยันว่า ภายในเดือนนี้จะสามารถออกหมายจับกับผู้กระทำความผิดได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายคดีดังกล่าวไปถึงที่สุดแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาไม่ผิดอย่างที่คิดและมีการถูกฟ้องกลับมีความกังวลหรือไม่ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากไปถึงขั้นนั้น ผู้ต้องหาจะฟ้องกลับ ให้ฟ้องตนคนเดียวในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด เพราะตนเป็นผู้สั่งการ ดังนั้นตนต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเตือนไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ไม่ว่าใครก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน และขอยืนยันว่า ไม่กลัวผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง