กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ หลังจากมีหลายคนออกมาโพสต์ถึงธุรกิจขายตรงชื่อดังเจ้าหนึ่ง ซึ่งมีดาราตัวท็อปหลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ ชวนคนให้เข้าร่วมลงทุน สุดท้ายกลายเป็นธุรกิจขายฝัน สินค้าขายไม่ได้ จนครอบครัวล่มจม
ต่อมาได้มีประชาชนหลายคนเริ่มออกมาโพสต์แฉเรื่อยๆ ว่าถูกบริษัทนี้หลอกลวง หลงเชื่อร่วมลงทุนสูญเงินไปเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักล้าน โดยบอกว่ากระบวนการนี้ จะเริ่มจากการโฆษณาทางสื่อต่างๆ ชักชวนให้คนมาเข้าร่วมคอร์สเรียนออนไลน์ การสร้างเพจ ยิงแอดต่างๆ ในราคาเพียง 98 บาท โดยมีดาราดังหลายคนเป็นพรีเซ็นเตอร์
โดยในช่วงแรก มีการเปิดสอนจริงทางซูม รวมถึงเปิดฮอลล์เล่นใหญ่พาคนเข้ามานั่งฟัง นำรถหรูเข้ามาโชว์ มีตัวแทนแชร์ประสบความสำเร็จ สร้างความน่าเชื่อถือให้คนหลงเชื่อ โดยมีวลีจากเจ้าของบริษัทคือ “ขยันผิดที่ 10 ปีก็ไม่รวย” จากนั้นจะเริ่มใช้คำพูดหว่านล้อมให้คนลงทุนซื้อสินค้าเพื่อสต็อกของ ก่อนจะให้ทำหน้าที่ยิงแอดต่อ เพื่อหาคนเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มอีก ลักษณะคล้ายการขายตรงแบบแชร์ลูกโซ่ โดยสินค้าที่ขายจะมีตั้งแต่ อาหารเสริม , เสปรย์แอลกอฮอล์ , กาแฟ , สบู่ , โฟมล้างหน้า , ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ไปจนถึงหน้ากากผ้าสะท้อนน้ำ มีการอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นสินค้าที่มีจุดเด่น จุดขายที่ดีกว่าและแตกต่างจากคู่แข่งชนิดที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร ตัวแทนจำหน่ายสร้างรายได้หลักแสนจนถึงหลักล้านต่อเดือน มากกว่า 700 – 800 คน ยังบอกด้วยว่า บริษัทเปิดมาเพียง 3 ปีกว่าๆ แต่มียอดขายทะลุ 5,000 ล้านบาท ในปี 2564 พร้อมเคลมว่าตัวเองคือแบรนด์ออนไลน์ที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศ
ซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ คืออดีตนักร้องชื่อดัง “กบ ไมโคร” ที่หลงเชื่อจนสูญเงินไปจำนวนมาก ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ บอกว่า “ผมโง่เอง ไม่ทันเกมเอง” ไม่เคยค้าขายเลยไม่เข้าใจรูปแบบธุรกิจ กว่าจะต่อภาพจบก็ทำไปปีครึ่ง ผมไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ หรือรับค้าจ้างใดๆ ทั้งสิ้น ผมกับภรรยาเปิดบิลไป 7 ดีลเลอร์ คูณสองแสนกว่า กับลงขันยิงแอดด้วยประมาณหนึ่งล้าน สุดท้ายเลิกทำเพราะได้คุยกับ สว. (ผู้สูงวัย) หลายคนที่เอาเงินก้อนสุดท้ายมาลง เอาบ้าน รถ ที่ดิน ไปเปลี่ยนเป็นเงินมาลง จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว มีมากมายที่เครียดจนสโตรค ครอบครัวแตกแยก ผมทำใจไปต่อไม่ได้จริงๆ
ต่อมา “แซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี หนึ่งในดาราที่มีชื่อนั่งแท่นเป็นผู้บริหารของธุรกิจขายตรงที่เป็นประเด็น โดยมีตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ ได้ออกมาพูดแล้วว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันเป็นเพียงแค่พรีเซ็นเตอร์ ดูเรื่องผลิตภัณฑ์ และคุณภาพสินค้าเท่านั้น พร้อมแสดงจุดยืนว่าจะสนับสนุนความถูกต้องเสมอ หากพบว่าแบรนด์มีการกระทำที่ไม่เหมาะสม มีความผิด และสร้างความเสียหายต่อประชาชนจริง ตนเองก็พร้อมที่จะยอมรับ และรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น