12 ก.ย.ที่ท่าอากาศยานกองบิน 6 อาคาร 2 พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานส่ง เครื่องบินซี130 บรรทุกสิ่งของ กำลังพล ร่วมกับ หน่วยในสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทยไป ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.เชียงรายว่า กองทัพอากาศได้ประชุมเตรียมความช่วยเหลือ ประชาชนภาคเหนือ โดยเริ่มปฎิบัติภารกิจ ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม โดยจัดตั้งศูนย์ ฝูงบิน 416 กองบิน 41 จ.เชียงราย ซึ่งเป็นไปตามแผนของกองทัพอากาศ ที่วางไว้ล่วงหน้า ช่วยเหลือภัยพิบัติเกิดจากธรรมชาติ
ส่วนปริมาณน้ำเท่าปี 2554 หรือไม่นั้น พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการวิเคราะห์ต่อเนื่อง ปัจจุบันนี้ มวลน้ำน้อยกว่าปี 2554 แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าพายุจะมาอีกกี่ลูก และปัจจัยที่ยังไม่นำมาคิด คือสิ่งปลูกสร้างที่อาจจะขวางทางน้ำ ซึ่งสภาพเหล่านี้ยังไม่มีข้อมูลว่าแตกต่างไปจากปี 2554 อย่างไร จึงยังไม่สามารถประเมินได้ว่า ปริมาณน้ำถึงจะน้อยกว่าปี 2554 น้ำจะท่วมน้อยกว่า รวมถึงอาจจะมีน้ำขังสูง อันตรายเป็นจุดๆได้
”สิ่งปลูกสร้างเปลี่ยนแปลงไปจากปี 2554 มีส่วนสำคัญ ตอนนี้วัดจากปริมาณน้ำฝนได้เท่านั้น ว่ามวลน้ำน้อยกว่าปี 2554 แต่สิ่งที่ตามมาจะเห็นได้จากจังหวัดเชียงราย น้ำขึ้นเร็วและมีปริมาณมาก และตอนนี้ก็น่าจะถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวง ใกล้ฝูงบิน 416 แต่สนามบิน ยังใช้งานได้อยู่ โดยได้ส่งกำลังทางอากาศเข้าไปช่วยเหลือเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเราต้องมาดูแลที่ตั้งของตนเองด้วย คิดว่าเฮลิคอปเตอร์ น่าจะมีประโยชน์มากที่สุด ในการเข้าช่วยเหลือได้โดยตรง และได้ส่งเครื่องบิน ถ่ายภาพทางอากาศส่งข้อมูล มายังภาคพื้นแบบเรียวไทม์เพื่อช่วยประชาชนได้อย่างทันท่วงที“ ผบ.ทอ. กล่าวและย้ำว่า
สำหรับกำลังพลที่ลงไปช่วยเหลือประชาชนได้เน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานและการเข้าช่วยเหลือประชาชน ย่อมมีความเสี่ยง ที่ผ่านมาฝูงบิน 416 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยมาสองสัปดาห์แล้ว น่าจะมีความเหนื่อยล้า จึงส่งกำลังพลไปทดแทนสับเปลี่ยน เพื่อให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ออกมาพักบ้าง ตนมีความห่วงใยในสุขภาพของเจ้าหน้าที่แต่ภารกิจต้องสำเร็จ
เมื่อถามว่า สำหรับการฝึกเพื่อรับมือน้ำท่วมในพื้นที่ดอนเมือง พล.อ.อ. พันธ์ภักดี กล่าวว่า ได้ให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพอากาศทำแผนป้องกันน้ำท่วมไว้รวมถึงดอนเมืองด้วย จากประสบการณ์ปี2554 ถึงกำหนดว่าควรเป็นการนั่งประชุมแล้วสมมุติสถานการณ์ เช่นถ้ามีมวลนำเข้ามาทางภาคเหนือ ในระดับน้ำเท่าไหร่ จะเกิดน้ำท่วมตรงไหนบ้าง และให้สำรวจ เครื่องมืออุปกรณ์เครื่องสูบน้ำว่ามีจำนวนเท่าใด และระบายน้ำออกทางไหน ไม่ให้ไปกระทบประชาชน และให้สำรวจดูว่ามีอุปกรณ์ใดบ้างที่จะต้องเคลื่อนย้าย เช่นเครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงที่ทำงาน นอกจากนั้นคือแผนการช่วยเหลือประชาชน โดยมีการจัดลำดับความสำคัญ และกำลังพลที่จะเข้าดูแล เมื่อมีการฝึกซ้อมก็จะมีการแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว
“ผมเชื่อมั่นว่าการฝึกซ้อมการเตรียมพร้อม จะไม่ทำให้ประชาชนในพื้นที่แตกตื่น เพราะเป็นการวางแผนเตรียมความพร้อมเอาไว้เท่านั้น ถ้าไม่เตรียมความพร้อมเกิดอะไรขึ้นมาจะเกิดความเสียหายมากกว่า รวมทั้งทำให้ประชาชนเกิดความอบอุ่นใจ ยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาจะไม่เหมือนปี2554 ที่ระบายน้ำจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งสร้างผลกระทบให้กับประชาชน เนื่องจากเราได้เตรียมขุดลอกคลองเรียบร้อยแล้ว” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าว