เปิดนโยบายเร่งด่วน! ทำให้คนไทย "มีกิน มีใช้" เป็นจริงใน "รัฐบาลแพทองธาร"

วันที่ 12 กันยายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 ณ รัฐสภา โดยมี ครม. สส. และ สว. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเร่งด่วนสำคัญที่จะเดินหน้าบริหารประเทศ 10 ข้อ ที่จะดําเนินการทันที

ผลักดันให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ
ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs
เร่งออกมาตรการเพื่อลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค อัตราค่าโดยสารร่วมรองรับนโยบาย “ราคาเดียวตลอดสาย”
สร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนําเศรษฐกิจนอกระบบภาษี (Informal Economy) และเศรษฐกิจใต้ดิน (Underground Economy) เข้าสู่ระบบภาษี และนำไปจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา อุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน ฯลฯ
เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้น ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ควบคู่กับการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ ให้ความสําคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet) ซึ่งเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และพัฒนาศูนย์ข้อมูลภาครัฐ ที่มุ่งการพัฒนานโยบายที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน
ยกระดับการทําเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย ภายใต้แนวคิด “ตลาดนํา นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ฟื้นนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก
ส่งเสริมการท่องเที่ยว สานต่อการปรับโครงสร้างการตรวจลงตราท้ังหมดของประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า (วีซ่าฟรี) นำเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยว กระจายรายได้
แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร
เร่งแก้ปัญหา อาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์
รัฐบาลจะส่งเสริมพัฒนาศักยภาพ และจัดสวัสดิการสังคม ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ ให้แก่คนทุกกลุ่ม เป็นต้น

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้แถลงเนื้อหาในนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นแผนระยะของการวางรากฐาน และ ฟื้นโอกาสให้กับประเทศ อาทิ ยานยนต์แห่งอนาคต ดึงดูดนักลงทุน จากต่างประเทศ , ส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์และส่งออก Soft Power , เศรษฐกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล , การสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว , ขยายเศรษฐกิจสุขภาพและการแพทย์ , ระบบสาธารณูปโภคคุณภาพ , การสร้าง Logistics Hub ผ่านโครงสร้างคมนาคมขนาดใหญ่ และขับเคลื่อนโครงการ Landbridge , ปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ เพื่อนำไปสู่การทำ Negative Income Tax และอื่นๆ